สหรัฐ 30 พ.ค. – นายอีลอน มัสก์ ถือได้ว่าเป็นขุนพลแถวหน้าของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการผลักดันนโยบายสำคัญ แต่มาถึงจุดจบต้องแยกทางกันแล้ว
บทบาทของนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ในรัฐบาลเป็นสิ่งที่แปลกใหม่และหวือหวาที่ตามมาด้วยความอื้อฉาว เขาอำลาหน้าที่ไปขณะที่ผลงานยังไม่แล้วเสร็จตามเป้า แล้วดูเหมือนว่าผลงานส่วนใหญ่ต้องกลายเป็นสิ่งที่รอการแก้ไข
ภาพของวันวาน ยามที่บทบาทโลดแล่นที่สุดในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ในช่วงราว 1 ปีที่ผ่านมา นายอีลอน มัสก์ อยู่เคียงข้างกายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในแทบทุกโอกาส ตั้งแต่ให้การสนับสนุนการหาเสียงแบบทุ่มสุดตัวใช้เงินไปเท่าที่ปรากฏคือ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งเสริมแนวคิดอนุรักษ์นิยมทั้งในและต่างประเทศ จนเมื่อชนะเลือกตั้ง นายทรัมป์ตั้งตำแหน่งใหม่ให้มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก คุมหน่วยงานให้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล หรือ DOGE ให้อำนาจหน้าที่บทบาทดูโดดเด่นเหนือกว่ารัฐมนตรีจากความสัมพันธ์ที่หอมหวาน เริ่มมีสัญญาณขาลงเมื่อเขาเป็นข่าวว่ามีปากมีเสียงกับรัฐมนตรีหลายคน ต่อมาชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อวิจารณ์ร่างกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลนายทรัมป์ ว่ากำหนดเรื่องลดขาดดุลงบประมาณไม่เพียงพอ และจะสร้างหนี้ให้รัฐบาลเพิ่มอีก 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ นี่เองที่มองว่าเป็นจุดแตกหัก
จนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทำเนียบขาวยืนยันว่า นายอีลอน มัสก์ ลาจากรัฐบาลแล้ว เจ้าตัวส่งข้อความ “ขอบคุณสำหรับโอกาสในการทำงานลดการใช้จ่ายรัฐบาล
ภารกิจของ DOGE ที่นายอีลอน มัสก์ ควบคุม คือการลดขนาดรัฐบาลสหรัฐ และค่าใช้จ่ายกำหนดตัวเลขที่ 2 ล้านล้านดอลลาร์ และกำหนดเวลาถึงวันชาติ วันที่ 4 กรกฎาคมปีหน้า หรือเกือบ 18 เดือน จนถึงขณะนี้ DOGE อ้างว่าสามารถตัดลดได้ 175,000 ล้านดอลลาร์ ลดบุคลากรของรัฐ 260,000 คน จากทั้งหมด 2,300,000 คน
แม้ยังไม่ได้ตามเป้าแต่ผลกระทบสะเทือนทั้งโลก หน่วยงานบางแห่งถูกยุบเลิกอย่างสิ้นเชิง การตัดลดค่าใช้จ่ายอย่างไร้ทิศทางและไม่เป็นธรรม ยังเป็นการตัดลดความน่าเชื่อถือและที่ยืนของสหรัฐในประชาคมโลก ผลงานหนึ่งที่เป็นตัวอย่างได้ดีคือ องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ หรือ ยูเอสเอไอดี ถูกหั่นงบกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกระทบโครงการในค่ายผู้อพยพในไทย ด้วยเหตุผลว่าสิ้นเปลือง แต่สำหรับทั้งโลกมันคือความหวัง และทางรอด เพราะ USAID เป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุด ช่วยเหลือด้านความหิวโหย ผู้อพยพพลัดถิ่น สาธารณสุขที่รวมถึงการวิจัยสำคัญเพื่อต่อสู้กับโรคเอดส์ ท่ามกลางเสียงคัดค้านว่ารัฐบาลทำลายซอฟต์พาวเวอร์ที่มีค่าของตัวเองแล้วลดบทบาท แล้วยังต้องสูญเสียบุคลากรมากมายที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มรดกอีกอย่างที่นายอีลอน มัสก์ ทิ้งไว้ คือความด่างพร้อยว่าทำเนียบขาวเป็นแหล่งข่าวปลอม ข่าวปล่อย
ข่าวแรกที่เกิดขึ้นคือ เขาได้เผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดว่าทองคำสำรองของสหรัฐได้ถูกขโมยไปจากคลังในฟอร์ท น็อกซ์ รัฐเคนตักกี เคยเสนอตัวจะไปไลฟ์ถึงที่เพื่อพิสูจน์อีกข่าวลือที่กระทบความสัมพันธ์กับแอฟริกาใต้ ประเทศบ้านเกิดของนายอีลอน มัสก์ คือกรณีล้างเผ่าพันธุ์คนผิวขาว ทำให้นายทรัมป์เผชิญหน้าถึงในทำเนียบขาวระหว่างต้อนรับผู้นำแอฟริกาใต้ที่พยายามยืนยันว่ามันเป็นข่าวปลอม ข่าวลือ ข้อมูลผิด แต่เขากลับลอบโจมตีผู้มาเยือนด้วยหลักฐานเท็จ
ในการทำงานเขาเป็นแม่ทัพภารกิจลดงบประมาณที่ต้องยืดอกรับแรงต้าน ตั้งแต่การที่เศรษฐีที่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจกับรัฐ แต่กลับล้วงลึกเข้าถึงข้อมูลรัฐบาลอย่างเกินของเขต โดยเฉพาะประกันสังคม ซึ่งมีข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน ผู้คนตั้งคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของนักธุรกิจผู้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษ
อาณาจักรธุรกิจของอีลอน มัสก์ มีรายได้ผูกพันกับรัฐ เช่น สเปซเอ็กซ์ มีสัญญากับรัฐมูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์ ที่ยิ่งชัดเจนคือการทำเนียบขาวเป็นโชว์รูมรถเทสลา ที่นายทรัมป์ พยายามส่งเสริมภาพลักษณ์และยอดขาย หลังจากหุ้นเทสลาร่วงลงไปวันเดียว เมื่อเดือนมีนาคม
ก่อนที่จะประกาศแยกทาง นายอีลอน มัสก์ ได้สื่อสารกับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นว่าเขาจะหันมาทุ่มเทเวลาให้อาณาจักรธุรกิจเต็มตัว แล้วหันไปตัดลดการใช้จ่ายเงินเพื่อการเมืองของเขาลง จึงน่าคิดว่าบทบาทของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป จะยังเป็นผู้บริจาคอันดับต้นๆ ให้กับพรรครีพับลิกันของนายทรัมป์ต่อไปหรือไม่ .-สำนักข่าวไทย