กัวลาลัมเปอร์ 26 พ.ค. – การประชุมสุดยอดผู้นำชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน เป็นเวลา 2 วัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย เปิดฉากขึ้นแล้วในวันนี้
การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 46 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 พฤษภาคม คาดว่า ที่ประชุมจะเดินหน้าผลักดันการสร้างสันติภาพในเมียนมา โดยจะพยายามนำรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าสู่การเจรจาเพื่อยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปี มาเลเซียซึ่งเป็นประธานอาเซียนวาระปัจจุบันระบุว่า จะเดินหน้าการแยกเจรจาระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมาและกลุ่มติดอาวุธฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เพื่อส่งเสริมให้ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดการเจรจาโดยตรง
นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซียกล่าวเปิดการประชุม ขอบคุณชาติสมาชิกอาเซียนที่มาร่วมกันสร้างแนวร่วมในการรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ รวมถึงการที่สหรัฐประกาศใช้มาตรการภาษีแต่ฝ่ายเดียว ส่วนเรื่องเมียนมา มีการดำเนินมาตรการเชิงบวกด้วยการตั้งกลุ่มที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการสำหรับมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนประจำปี 2568 ขอขอบคุณผู้นำทุกคนที่ให้ความเห็นชอบเขาเรื่องตั้งกลุ่มดังกล่าวโดยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นหัวหน้ากลุ่ม
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าวว่า การเจรจาเรื่องเมียนมาจำเป็นต้องจัดขึ้นหลายครั้งเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างแต่ละฝ่าย เขามีแผนจะเดินทางไปเมียนมาในเดือนหน้าด้วย
รอยเตอร์ระบุว่า อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของการประชุมสุดยอดอาเซียน คือ ความไม่แน่นอนของการค้าโลก คาดว่าผู้นำอาเซียนจะพบปะกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียงของจีน และผู้นำจากตะวันออกกลางในวันอังคาร เพื่อเจรจากันท่ามกลางความผันผวนของตลาดโลก และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงซึ่งเป็นผลกระทบจากการขู่ขึ้นภาษีนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ โดยสมาชิก 6 ประเทศของอาเซียนจากทั้งหมด 10 ประเทศ ถูกตั้งกำแพงภาษีระหว่างร้อยละ 32-49 ซึ่งจะเริ่มมีผลในเดือนกรกฎาคม ยกเว้นจะสามารถเจรจาขอลดภาษีกับสหรัฐได้สำเร็จ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังจะหารือเกี่ยวกับข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ มีมูลค่าทางการค้าราวปีละ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10 ล้านล้านบาท) ขณะที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ทำให้มีปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับชาติอาเซียนหลายประเทศ ทั้งเวียดนาม มาเลเซีย โดยเฉพาะกับฟิลิปปินส์ที่มีการเผชิญหน้ากันอยู่เสมอ.-816(814).-สำนักข่าวไทย