อิสลามาบัด 29 ก.ค.- พรรครัฐบาลปากีสถานเตรียมผลักดันน้องชายนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หลังจากนายชารีฟประกาศลาออกวานนี้ เพราะถูกศาลฎีกาประกาศว่าขาดคุณสมบัติเนื่องจากปกปิดทรัพย์สิน
พรรคสันนิบาตมุสลิมปากีสถาน-นาวาซจะประชุมวันนี้ หนังสือพิมพ์ในปากีสถานคาดว่า พรรคจะแต่งตั้งนายชาห์บาซ ชารีฟ มุขมนตรีรัฐปัญจาบวัย 65 ปี และน้องชายนายกรัฐมนตรีชารีฟขึ้นเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคไปจนกว่าเขาจะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภา จึงจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่อาจได้รับเลือกเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค อย่างไรก็ดี พรรคยังไม่ตัดสินใจว่า จะให้รักษาการดำรงตำแหน่งไปอย่างน้อย 45 วันเพื่อให้เวลานายชาห์บาซลาออกจากมุขมนตรีที่เป็นมาตั้งแต่ปี 2551 และลงเลือกตั้งซ่อม หรือจะให้อยู่ไปจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ที่จะต้องมีขึ้นภายในเดือนเมษายนปีหน้า ด้านฝ่ายค้านยกย่องศาลฎีกาที่ชี้ขาดนายกรัฐมนตรีชารีฟขาดคุณสมบัติว่า เป็นสัญญาณของความก้าวหน้าและความเชื่อถือได้ให้แก่ชาวปากีสถาน และจะจัดการชุมนุมฉลองชัยชนะในอาทิตย์นี้
นายชารีฟถูกสอบสวนตั้งแต่มีการเปิดโปงเอกสารปานามาว่าเขาและครอบครัวใช้บริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศซื้อห้องชุดหรูในกรุงลอนดอนของอังกฤษ อย่างไรก็ดี ศาลฎีกาใช้มาตรา 62 ในรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจปลดผู้ไม่ซื่อสัตย์ปลดนายชารีฟโทษฐานไม่ชี้แจงในเอกสารลงสมัครรับเลือกตั้งปี 2556 ว่ามีรายได้เดือนละ 2,722 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 90,890 บาท) จากบริษัทของบุตรชายในดูไบ นายชารีฟ วัย 67 ปียืนกรานมาตลอดว่าไม่ได้ทำผิด พันธมิตรของนายชารีฟระบุเป็นนัยว่า กองทัพมีส่วนในเรื่องนี้ เพราะ ส.ส.ทุกคนรวมไปถึงฝ่ายค้านไม่มีใครรอดพ้นจากมาตรา 62 อยู่แล้ว ประกอบกับกองทัพได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหาร 2 คนมานั่งในคณะทำงาน 6 คนที่ศาลฎีกาแต่งตั้งให้สอบสวนนายชารีฟ
นายชารีฟดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปากีสถานมาทั้งหมด 3 ครั้งและไม่เคยอยู่จนครบวาระ ครั้งแรกปี 2533-2536 เพราะถูกกองทัพกดดันหลังเผชิญหน้าทางการเมืองกับประธานาธิบดีกูลาม อิสฮัก ข่าน ครั้งที่สองปี 2540-2542 เพราะขัดแย้งกับกองทัพหลายเรื่องจนกระทั่งถูกรัฐประหาร ครั้งล่าสุดปี 2556-2560 ปากีสถานไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีอยู่จนครบวาระ 5 ปี นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษเมื่อ 70 ปีก่อน.-สำนักข่าวไทย