นายกฯเมย์เจอกระแสกดดันให้ลาออกหลังที่นั่งในสภาลด

ลอนดอน 9 มิ.ย.-  นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษเผชิญกระแสกดดันในวันนี้ให้ลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังไม่ได้รับเสียงข้างมากเด็ดขาดในการเลือกตั้ง 8 มิ.ย. ส่งผลต่อทิศทางการเมืองและกระทบการเจรจาเบร็กซิท


รายงานผลเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษล่าสุดพบว่า พรรคนายกรัฐมนตรีเมย์ได้คะแนนเสียงไม่ถึง 326 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาดในสภาทั้งหมด 650 ที่นั่ง โดยพบว่าพรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนน 312 ที่นั่ง พรรคแรงงาน 259 ที่นั่ง พรรคเสรีประชาธิปไตย 12 ที่นั่ง พรรคแห่งชาติสกอต(เอสเอ็นพี) 34 ที่นั่ง และพรรคกรีนส์ 1 ที่นั่ง  ค่าเงินปอนด์อังกฤษดิ่งลงทันทีท่ามกลางความวิตกว่าผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมจะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และอาจถึงขั้นต้องยอมลาออกภายหลังจากเหตุก่อการร้ายโจมตีอังกฤษสองครั้งเมื่อเร็วๆนี้ที่ส่งผลต่อคะแนนเสียง  นายกรัฐมนตรีเมย์แถลงภายหลังทราบผลชนะเลือกตั้งสส.เขตเมเดนเฮดว่า อังกฤษจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพไว้ขณะเตรียมเข้าสู่กระบวนการเจรจาออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปหรือเบร็กซิท นางเมย์กล่าวว่า แม้ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยังไม่ออกมาทั้งหมด แต่พรรคของเธอก็ชนะเสียงส่วนใหญ่ในสภาซึ่งมีความสำคัญต่อการรับประกันความมั่นคงต่อไป 

ทางด้านนายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงานซึ่งเป็นฝ่ายค้านที่มีคะแนนเสียงเพิ่ม 20 จุดกล่าวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพราะขาดเสียงสนับสนุนในการเลือกตั้งและความไว้วางใจจากประชาชน ในขณะที่เหลือการนับคะแนนอีกเพียงไม่กี่ที่นั่งคาดว่า พรรคอนุรักษ์นิยมจะชนะไปด้วยคะแนน 319 ที่นั่ง ลดลงจาก 331 ที่นั่งเมื่อปี 2558 นับเป็นความผิดหวังอีกระลอกหลังจากลงประชามติออกจากอียูเมื่อมิถุนายน 2559 การที่พรรคอนุรักษ์นิยมไม่สามารถครองเสียงข้างมากเด็ดขาดถึง 326 ที่นั่งในสภาได้ อาจทำให้พรรคต้องไปจับขั้วกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม และเป็นที่คาดกันว่าพรรคแรงงานจะได้ส่วนแบ่งในสภาเพิ่มจาก 229 ที่นั่ง เป็น 260 ที่นั่ง.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย