อังกฤษ 6 พ.ค. – พระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้ เป็นการสืบสานโบราณราชประเพณีอันยาวนานของราชวงศ์อังกฤษ แต่มีบางแง่มุมที่แตกต่างไป ซึ่งบ่งบอกถึงพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ถึงพระมหากษัตริย์ในยุคสมัยใหม่
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ สืบสานโบราณราชประเพณีที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษพระองค์ใหม่ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
สิ้นสุดรัชสมัย สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง กษัตริย์ผู้ครองราชย์ยาวนานที่สุดของสหราชอาณาจักร ครอบคลุมเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สงครามโลก การเปลี่ยนผ่านจากจักรวรรดิอังกฤษสู่เครือจักรภพ การสิ้นสุดของสงครามเย็น ในทางกฎหมายนั้น เมื่อพระราชมารดาเสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ในทันที แต่ยังต้องจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามพิธีการตามธรรมเนียมโบราณที่แทบไม่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์สูงสุดแสดงถึงการเริ่มต้นรัชสมัยใหม่
ในประวัติศาสตร์เกือบ 1,000 ปี พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษจัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์แห่งนี้ โดยพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต เป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ทรงประกอบพิธีราชาภิเษกที่นี่ ในครั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 นับเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 40
เช่นเดียวกับพระราชมารดาเมื่อ 70 ปีก่อน พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในทางศาสนา เป็นไปตามแนวทางของศาสนจักรอังกฤษ และประกอบพิธีโดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี ผู้นำนิกายแองกลิกัน ประกอบพิธีสำคัญด้วยการสวมพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ด ทองคำน้ำหนักมากกว่า 2 กิโลกรัม ลงบนพระเศียรของกษัตริย์พระองค์ใหม่ รวมทั้งการเจิมน้ำมันหอม การรับคฑาและลูกโลกประดับกางเขนจากอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี
สำหรับคำสัตย์ปฏิญาณตามธรรมเนียมนั้น เป็นการแสดงออกอย่างเป็นทางการ ถึงพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นบทบาทหน้าที่ในฐานะพระมหากษัตริย์ ด้วยการปฏิญาณว่า พระองค์จะเคารพกฎหมายและดำรงความเป็นธรรมด้วยพระเมตตา อันสะท้อนการให้ความสำคัญกับกฎหมาย ว่าเป็นพื้นฐานสำคัญต่อบทบาทของกษัตริย์ ที่นอกจากจะทรงเป็นพระประมุขของสหราชอาณาจักรแล้ว ยังทรงเป็นผู้นำของเครือจักรภพที่มีรัฐเอกราช 56 ชาติ และประชากร 2,400 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 14 ประเทศ มีกษัตริย์อังกฤษเป็นประมุขของรัฐเช่นกัน
ที่ต่างไปจากอดีตอาจเรียกได้ว่า รัชสมัยใหม่นี้เป็นการเริ่มต้นของสถาบันกษัตริย์ในสังคมยุคใหม่เช่นกัน สะท้อนจากการที่พระองค์ลดจำนวนผู้เข้าร่วมพิธีลงไม่เกิน 2,000 คน หรือ เหลือเพียง 1 ใน 4 และยังลดเวลาของพิธีลงด้วย
นอกจากนั้นยังมีหลายเหตุการณ์ที่แสดงถึงพระราชปณิธานนี้ เช่น การที่พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระบรมฉายาลักษณ์บนดวงตราไปรษณียากร ปราศจากพระมงกุฎ ซึ่งผู้อำนวยการไปรษณีย์ เปิดเผยว่า พระองค์ทรงเลือกให้เป็นภาพของมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความเรียบง่ายและถ่อมตน สื่อว่าพระองค์ที่พร้อมทำหน้าที่ให้กับพสกนิกร
สอดคล้องกับแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลสที่ 3 ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระราชพิธีพระบรมราชิภิเษกนี้ สะท้อนบทบาทหน้าที่ของกษัตริย์ที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วในยุคปัจจุบัน .-สำนักข่าวไทย