เจนีวา 6 ม.ค.- องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือไอแอลโอ (ILO) ของสหประชาชาติ แนะนำว่า การให้คนทำงานอย่างยืดหยุ่นเหมือนช่วงที่โควิด-19 ระบาด ไม่เพียงเป็นผลดีต่อพนักงาน แต่ยังเป็นผลดีต่อนายจ้างด้วย เพราะจะเพิ่มศักยภาพและการผลิต
ไอแอลโอออกรายงานฉบับแรกว่าด้วยความสมดุลในการทำงานและการใช้ชีวิต ประเมินว่าเวลาทำงาน ชั่วโมงทำงาน และการจัดการเวลาทำงาน มีผลอย่างไรต่อคุณภาพชีวิตของพนักงานและผลการดำเนินงานทางธุรกิจ รายงานฉบับนี้สำรวจมาตรการของภาครัฐและเอกชนที่รับมือกับช่วงโควิดระบาด เพื่อให้องค์กรสามารถเดินหน้าและพนักงานไม่ถูกเลิกจ้าง พบว่าการลดชั่วโมงทำงานของพนักงานลงเป็นจำนวนมากช่วยลดการเลิกจ้างได้ และได้ข้อสรุปว่า การทำงานทางไกลที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วโลกไม่เพียงเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานทางไกล แต่ยังเปลี่ยนแปลงลักษณะการจ้างงานด้วย มาตรการทำงานช่วงโควิดเป็นหลักฐานยืนยันว่า การให้พนักงานมีความยืดหยุ่นในการทำงาน ทั้งเรื่องเวลา สถานที่ และวิธีการ ไม่เพียงเป็นผลดีต่อพนักงาน แต่ยังเป็นผลดีต่อธุรกิจ เพราะพนักงานทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รายงานของไอแอลโอย้ำว่า การทำงานทางไกลและการทำงานอย่างยืดหยุ่นจะต้องมีนโยบายที่ให้สิทธิแก่พนักงานในการตัดการติดต่อกับที่ทำงาน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียจากการใช้เวลาทำงานมากเกินไป พนักงานทั่วโลกแทบไม่ได้ใช้เวลาทำงานตามเกณฑ์มาตรฐานคือวันละ 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง และพนักงานมากกว่า 1 ใน 3 ทำงานเกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมงอยู่เสมอ.-สำนักข่าวไทย