fbpx

เผยสตรีฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ได้ค่าแรงต่ำและไร้ความมั่นคง

มะนิลา 1 พ.ค.- ผลการศึกษาในฟิลิปปินส์ระบุว่า สตรีฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ยังคงทำงานคุณภาพต่ำ ไร้ความมั่นคง และสภาพการจ้างงานเลวร้ายลงตลอด 3 ทศวรรษแม้ผ่านมาแล้วหลายรัฐบาล


รายงานของศูนย์เพื่อทรัพยากรสตรีที่เผยแพร่ในเดือนมีนาคมเรื่อง “คำสัญญาที่คั่งค้าง การเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้สึก: รายงานประเทศเรื่องสตรีฟิลิปปินส์ในยุคเสรีนิยมใหม่” ระบุว่า การดำเนินนโยบายเสรีนิยมใหม่ในฟิลิปปินส์ลดโอกาสที่สตรีและครอบครัวจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะข้อมูลของสำนักงานสถิติฟิลิปปินส์ชี้ว่า ความยากจนระดับประเทศลดลงน้อยมากจากร้อยละ 27.9 ในปี 2555 เป็น 26.3 ในปี 2558 เฉลี่ยมีสัดส่วนคนจน 1 ใน 4 ของทั้งประเทศ แต่หากดูในระดับจังหวัด สัดส่วนคนจนเพิ่มเป็น 7 ใน 10 และมีหลายจังหวัดที่ประชากรครึ่งหนึ่งมีชีวิตต่ำกว่าเส้นยากจน 

หากแยกดูเฉพาะสตรี ร้อยละ 71 ทำงานภาคบริการ ร้อยละ 18.9 ทำงานภาคเกษตรกรรม และร้อยละ 10 ทำงานภาคอุตสาหกรรม การจ้างงานสตรีในภาคเกษตรกรรมลดลงจากร้อยละ 34 ในปี 2528 เหลือร้อยละ 19 ในปี 2558 ส่วนการจ้างงานสตรีในภาคอุตสาหกรรมแม้ว่าเพิ่มขึ้น แต่ค่าจ้างยังคงต่ำ เฉลี่ยวันละ 337 เปโซ (ราว 232 บาท) ยิ่งเป็นสตรีที่ทำงานตามร้านค้าปลีกค้าส่งห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต ค่าจ้างเพียงวันละ 302 เปโซ (ราว 208 บาท) เกือบครึ่งหนึ่งเป็นลูกจ้างไม่ประจำ ทั้งที่เจ้าของธุรกิจมีกำไรเพิ่มขึ้นและขยายกิจการมากขึ้น ขณะที่สตรีในภาคบริการร้อยละ 89 ทำงานตามบ้าน ได้เงินเดือนเพียง 2,500 เปโซ (ราว 1,723 บาท) ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ อีกทั้งยังตกเป็นเหยื่อล่วงละเมิดทางคำพูด ร่างกาย และทางเพศ 


ค่าจ้างต่ำและไร้ความมั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวฟิลิปปินส์พากันไปขายแรงงานในต่างประเทศมากถึง 1.8 ล้านคนในปี 2558 เพิ่มขึ้นจาก 14,366 คนในปี 2515 แต่ละวันมีชาวฟิลิปปินส์เดินทางไปทำงานในต่างประเทศ 5,053 คน และ 6 ใน 10 คนเป็นสตรี แม้รายได้ดีกว่าในประเทศบ้านเกิดแต่ก็ยังคงต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศที่ไปทำงาน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้