จาการ์ตา 30 ก.ย. – อินโดนีเซียอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิดที่ใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทเวชภัณฑ์ของจีน เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยถือเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าว
สำนักงานอาหารและยาของอินโดนีเซียประกาศอนุมัติใช้วัคซีนโควิดที่ใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ ซึ่งพัฒนาโดยวัลแวกซ์ ไบโอเทคโนโลยี บริษัทเวชภัณฑ์ของจีน เป็นกรณีฉุกเฉิน วัคซีนดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เอดับเบิลยูคอร์นา (AWcorna) ได้รับการพัฒนามาเป็นเวลากว่า 2 ปี และมีประสิทธิภาพต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม ทั้งนี้ อินโดนีเซียถือเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าว ซึ่งเป็นการอนุมัติใช้ก่อนจีนที่เป็นประเทศผู้พัฒนาวัคซีนขนานนี้อีกด้วย
สำนักข่าวรอยเตอร์สตั้งข้อสังเกตว่า การอนุมัติใช้วัคซีนดังกล่าวของอินโดนีเซียมีขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ เพราะวัลแวกซ์ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างทดสอบวัคซีนในหลายประเทศรวมถึงอินโดนีเซีย เม็กซิโก และจีน ยังไม่ได้เปิดเผยประสิทธิภาพของวัคซีนในการต้านทานเชื้อโควิดหรืออัตราป้องกันความเสี่ยงจากอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อ อย่างไรก็ดี เพนนี ลูกิโต หัวหน้าสำนักงานอาหารและยาของอินโดนีเซีย เผยว่า วัคซีนเอดับเบิลยูคอร์นามีประสิทธิภาพต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ร้อยละ 71.17 และต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์ทั่วไปได้ร้อยละ 83.58 ขณะที่วัลแวกซ์ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า อินโดนีเซียจะนำวัคซีนดังกล่าวมาใช้เป็นจำนวนเท่าใด เนื่องจากขณะนี้มีชาวอินโดนีเซียกว่าร้อยละ 63 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากทั่วโลกต่างแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ใช้วัคซีนโควิดชนิดไบวาเลนต์ (bivalent) ซึ่งเป็นวัคซีนที่พัฒนาขึ้นเพื่อต้านเชื้อโควิด 2 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ เชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมและเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ขณะนี้ อินโดนีเซียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 6.42 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 158,000 คน. -สำนักข่าวไทย