กรมอนามัย เตือนเปิบพิสดาร “กินชอล์ก” เสี่ยงอันตราย ลำไส้อุดตัน

สธ. 22 ก.ค. – กรมอนามัย เตือนกินชอล์กเสี่ยงอันตราย ทำให้ฟันสึกกร่อน หรือฟันผุ การย่อยอาหารลำบาก ท้องผูก และลำไส้อุดตัน ส่วนในกรณีหญิงตั้งครรภ์ หากกินเข้าไปอาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ ไม่แนะนำให้ทุกวัยเลียนแบบพฤติกรรมดังกล่าว


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีการกินชอล์กจนเกิดเป็นกระแสในโซเซียลมีเดียนั้น ถือเป็นพฤติกรรมการกินแบบแปลกประหลาด โดยการกินสิ่งของแทนอาหาร เช่น หิน ดิน แป้งดิบ น้ำแข็ง หรือชอล์ก พฤติกรรมนี้อาจเกิดขึ้นได้กับเด็กที่มีอายุระหว่าง 18 เดือน ถึง 2 ปี แต่ถ้าในผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะทางการแพทย์เรียกว่า Pica เป็นภาวะทางจิตเวช ถือเป็นความผิดปกติของการกินชนิดหนึ่ง และยังเชื่อมโยงกับพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ ภาวะทุพโภชนาการ และการตั้งครรภ์อีกด้วย ถ้าพบอาการเช่นนี้ควรไปพบแพทย์ และหากพบเห็นพฤติกรรมการกินชอล์กดังกล่าว ก็ไม่ควรลอกเลียนแบบหรือทำตาม เพราะถึงแม้ว่าชอล์กขาวจะมีพิษเพียงเล็กน้อย แต่ถ้ากินในปริมาณที่มากเกินไป หรือสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ฟันสึกกร่อนหรือฟันผุ การย่อยอาหารลำบาก ท้องผูกหรือกีดขวางในลำไส้ ทำให้ลำไส้อุดตัน การติดเชื้อปรสิต เบื่ออาหาร และหากเป็นชอล์กสี ซึ่งใช้สารเคมีสีที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร อาจก่อให้เกิดอันตรายจากโลหะหนักต่าง ๆ เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู โครเมียม สังกะสี การได้รับโลหะหนักเข้าไปในร่างกายมาก ๆ หรือเป็นประจำ จะเกิดการสะสมพิษในร่างกายอาจทำให้เกิดอันตรายทั้งแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรังได้ สำหรับในหญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร การกินชอล์กอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของทารกได้อีกด้วย

“ทั้งนี้ ร่างกายยังคงต้องการอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างพลังงาน ดังนั้น ในแต่ละวันมีอาหารหลากหลายประเภทที่จำเป็นมากกว่าการเปิบพิสดารสิ่งของหรือสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ กรมอนามัยจึงยังคงเน้นย้ำให้ทุกกลุ่มวัยกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และมีความหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่าง ๆ ครบถ้วน ในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการ โดยเน้นการกินผักและผลไม้ รวมถึงปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ ควบคู่กับการดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย ออกกำลังกายเป็นประจำ หมั่นชั่งน้ำหนักตัวเป็นระยะอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อการดูแลสุขภาพและรักษา น้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็งบางชนิด เป็นต้น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แทงหนุ่มวิศวะ

จับได้แล้ว! เยาวชน 16 ปีมือแทงหนุ่มวิศวะดับชิงเสื้อช็อป

รวบ 3 โจ๋แทงหนุ่มวิศวะปี 4 ดับสลดขโมยเสื้อช็อป พร้อมยึดของกลางที่ใช้ก่อเหตุ มือแทงสารภาพอ้างอารมณ์ชั่ววูบ อยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย บอกจะบวชให้หลังออกคุก

สธ.มอบฟันเทียม 45,000 ราย เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ

13 เมษายน วันผู้สูงอายุแห่งชาติ สธ.เปิดโครงการ “รอยยิ้มใหม่ผู้สูงวัย 2568” มอบฟันเทียม 45,000 ราย ส่งเสริมสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วัยรุ่นรุมแทง นศ.วิศวะดับ ปล้นเสื้อช็อป-มือถือ

ตำรวจไล่เช็กวงจรปิดตามล่าแก๊งโจ๋นับสิบ หลังก่อเหตุสลด! รุมแทงนักศึกษาวิศวะเสียชีวิต ขณะขี่จักรยานยนต์กลับบ้าน ก่อนปล้นเอาเสื้อช็อปและมือถือหลบหนี

ค้นที่พักไฮโซเก๊ พบรูปภาพ-ชุดขาวประดับเครื่องหมายจัดเต็ม

ตำรวจกองปราบปรามขยายผลเพิ่ม ออกหมายจับไฮโซเก๊ อายัดตัวจากเรือนจำตรวจค้นที่พัก พบรูปภาพและชุดขาวประดับเครื่องหมายต่างๆ จัดเต็ม

ข่าวแนะนำ

เตือนระวังพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีอากาศร้อนโดยทั่วไปในภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล และภาคเหนือ เตือนระวังพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น

อดีตนายกฯมาเลเซีย

นายกฯ แสดงความเสียใจ อดีตนายกฯ มาเลเซีย ถึงแก่อสัญกรรม

นายกฯ แพทองธาร แสดงความเสียใจต่อการถึงแก่อสัญกรรม ของ อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย