ทำเนียบ 1 ก.ค. – ภาคเอกชนฝรั่งเศส MEDEF International หารือนายกฯ เชื่อมั่นและพร้อมร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด และนำไปสู่การยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศภายในปี 2567
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะนักธุรกิจฝรั่งเศส นำโดย นายฟรองซัวส์ กอร์แบง (Mr. François Corbin) รองประธานสภานายจ้างฝรั่งเศสในต่างประเทศ (Mouvement des Entreprises de France: MEDEF : MEDEF International) เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับคณะ ยินดีที่ทราบว่าประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่คณะเดินทางมาเยือน หลังจากที่ว่างเว้นเนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 พร้อมย้ำว่า การเยือนของคณะถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเป็นกิจกรรมหลักที่จัดขึ้นภายหลังการลงนามในแผนการ สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2022-2024) ที่จะนำไปสู่การยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศภายในปี 2567
นายกรัฐมนตรี ชื่นชมความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างภาคเอกชนไทยและฝรั่งเศส โดยเฉพาะสภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย และสภานายจ้างฝรั่งเศสในต่างประเทศ เชื่อมั่นว่าคณะฯ เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการปฏิรูป และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา และมั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมพัฒนาความร่วมมือ จะได้เห็นศักยภาพและโอกาสความร่วมมือด้านเศรษฐกิจอีกมากมาย โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในโครงการ EEC
ขณะที่รองประธาน MEDEF International ระบุว่า คณะนักธุรกิจที่ร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ มาจากหลากหลายสาขา เพราะตระหนักดีถึงศักยภาพด้านเศรษฐกิจของไทยที่เห็นช่องทางความร่วมมือได้มาก และบริษัทฝรั่งเศสมีความสนใจที่จะแสวงหาการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจากไทยและฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น มีความไว้เนื้อเชื่อใจ และมีความใกล้ชิดมากว่า 30 ปี และไทยมีที่ตั้งซึ่งมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค มีขีดความสามารถ เป็นตลาดที่น่าสนใจ และน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน มีการปฏิรูป ปรับปรุงนโยบายที่ทันสมัยเอื้อต่อการลงทุน และภาคเอกชนฝรั่งเศสมั่นใจในโอกาสเพื่อสร้างความร่วมมือ โดยมองว่าไทยกำลังเติบโต และมีพัฒนาการเชิงบวกในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ และยินดีสานต่อความร่วมมืออย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการผลิต พัฒนา และเสริมสร้างบุคลากรของไทย
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจ รวมถึงความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ซึ่งรัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจและอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการด้านเศรษฐกิจ เพื่อลดผลกระทบที่จะมีต่อภาคธุรกิจและประชาชน ซึ่งตัวแทนภาคเอกชนฝรั่งเศสกล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับความร่วมมือของทั้งสองประเทศ พร้อมชื่นชมแนวความคิด และนโยบายดำเนินการสู่เป้าหมายในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนของนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่าภาคเอกชนฝรั่งเศสมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด และเชื่อว่าไทยมีศักยภาพในด้านพลังงานทดแทน และมีพัฒนาการในด้านนี้เด่นชัดเป็นอย่างมาก
ด้านการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันอีกมาก จึงหวังว่าจะใช้กลไกความร่วมมือที่มีอยู่ ทั้งกลไกภาครัฐและภาคเอกชนให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวย้ำว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับภาคเอกชนฝรั่งเศส เพื่อเดินหน้าสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืนร่วมกัน.-สำนักข่าวไทย