ฝากขัง “สันติ” ค้านประกัน-ขอศาลออกหมายจับเพิ่ม 2 คนไทยร่วมก่อเหตุ

กรุงเทพฯ 18 มิ.ย. – คุมตัว “สันติ” ผู้ต้องหาฆ่าสามีภรรยาในไต้หวัน ฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เจ้าตัวปฏิเสธว่าไม่ได้ลงมือฆ่า แต่สารภาพร่วมอำพรางศพ อ้างปมสังหารขัดแย้งธุรกิจมืด ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับเพิ่ม 2 คนไทยร่วมก่อเหตุและอยู่ระหว่างหลบหนี


พนักงานสอบสวน กองปราบปราม ควบคุมตัวนายสันติ หรือหยาง อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม 2 สามีภรรยาคนไทยและลูกแฝดในครรภ์ ที่ไต้หวัน ก่อนหลบหนีกลับมาไทย กระทั่งเข้ามอบตัวที่หมู่บ้านอรุโณทัย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ออกจากห้องควบคุมเพื่อส่งตัวไปควบคุมต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องขอฝากขังต่อศาลอาญา ผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 มิ.ย.นี้ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง มีการก่อเหตุนอกราชอาณาจักร โดยผู้ต้องหาลงมือกระทำความผิดอย่างโหดเหี้ยม เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญทั้งที่ประเทศไต้หวันและในประเทศไทย คดีเป็นที่สนใจของประชาชน ภายหลังลงมือก่อเหตุ ผู้ต้องหากับพวกหลบหนีความผิดมายังประเทศไทย เพื่อจะหลบหนีต่อไปยังประเทศที่ 3 ประกอบกับทางการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหามีการร่วมกระทำความผิดกับผู้ต้องหาอีก 2 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี และพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาขอศาลออกหมายจับเพิ่มเติม หากปล่อยตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขัง


“สันติ” อ้างปมสังหารขัดแย้งธุรกิจยาเสพติด
ก่อนจะถูกนำตัวไปควบคุมต่อที่เรือนจำ ตำรวจมีการสอบปากคำตลอดทั้งคืน นายสันติยอมรับเพียงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้สองสามีภรรยาเสียชีวิตจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่าเอง โดยในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. อ้างว่านัดให้สองสามีภรรยา ไปพบกลุ่มมาเฟียชาวไต้หวัน เพื่อเคลียร์เรื่องหนี้สินยาเสพติดที่ตนเองร่วมกันลงทุนค้ายาเสพติด แต่อ้างว่าเก็บเงินจากลูกค้าไม่ได้จนเกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง กลุ่มมาเฟียไต้หวันจึงลงมือฆ่าทั้ง 2 คน จากนั้นตนเองมีหน้าที่นำศพสองสามีภรรยาใส่ท้ายรถและขับไปจอดทิ้งไว้ริมทางรถไฟ ก่อนตนเองจะบินกลับมาประเทศไทย

คดีฆ่าสองสามีภรรยาที่ไต้หวัน มีผู้ก่อเหตุ 3 คน
นายสันติถูกตำรวจแจ้งดำเนินคดีในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” หลังมีรายงานว่าตำรวจไต้หวันได้แจ้งข้อมูลสืบสวนเพิ่มเติมให้กองปราบฯ ทราบว่าจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกันกับนายสามารถ และนายธนวัฒน์ วางแผน แบ่งหน้าที่กัน และไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อฆ่าสองสามีภรรยา โดยในวันเวลาเกิดเหตุได้รออยู่ในสำนักงานที่เกิดเหตุ และผู้ต้องหาเป็นผู้ติดต่อให้ผู้ตายทั้งสองเข้ามาในสำนักงานดังกล่าว แล้วร่วมกันใช้ท่อนเหล็กเป็นอาวุธตีที่ศีรษะของทั้ง 2 คน จนถึงแก่ความตาย และผู้ต้องหาใช้รถยนต์คันดังกล่าวนำศพของผู้ตายไปจอดทิ้งไว้บริเวณลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงเถาหยวน ก่อนเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกัน โดยจองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้า

จ่อหมายจับเพิ่ม 2 คนไทยร่วมก่อเหตุฆ่าที่ไต้หวัน
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม ให้ข้อมูลว่า จากพยานหลักฐานที่ได้รับจากตำรวจไต้หวัน มีภาพวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ค่อยข้างชัดเจน มั่นใจเอาผิดได้แน่นอน ส่วนปมสาเหตุคาดเกิดจากปัญหาเรื่องหนี้สินของผู้ต้องหากับผู้ตาย ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง ขณะนี้กองปราบปรามอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของคนไทยอีก 2 คน ที่ร่วมกับนายสันติ ก่อเหตุที่ไต้หวัน ก่อนหลบหนีกลับเข้ามาไทยพร้อมกัน และเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอศาลออกหมายจับกุมและติดตามตัวมาดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข