“สุริยะ” มั่นใจกำจัดคราบน้ำมันในทะเลหมดภายในวันนี้

ระยอง 27 ม.ค.- รมว.อุตสาหกรรม ระบุน้ำมันที่รั่วไหลใต้ทะเล เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง จะกำจัดได้หมดในวันนี้ เร่งหาสาเหตุการรั่วไหล บริษัทน้ำมันต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อทุกส่วน


นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าสถานการณ์น้ำมันดิบของบริษัทสตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) รั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุดไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า หลังเกิดเหตุน้ำมันรั่วไหล ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีนี้แล้ว ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบสวนสาเหตุน้ำมันดิบรั่วไหล รวมถึงปริมาณการรั่วไหล รวมถึงแนวทางแก้ไขปัญหาในอนาคต ซึ่งเบื้องต้นทางบริษัทได้ ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญดำลงไปตรวจสอบแล้ว และอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลและทางบริษัทยินดีจ่ายค่าชดเชยและเยียวยา


ขณะนี้มันดิบที่รั่วไหลออกมาถูกขจัดไปแล้ว เหลือ 5,000 ลิตร ยืนยันไม่กระทบการท่องเที่ยว โดยเฉพาะหาดแม่รำพึง ที่หลายคนกังวลว่าจะมีคราบน้ำมันถูกคลื่นซัดมาที่ชายฝั่ง และจากการสอบถามทางบริษัท ได้รับการยืนยันว่ามีได้เตรียมแนวทางรับมือไว้แล้ว หากเกิดปัญหาคราบและตะกอนน้ำมันถูกซัดเข้าฝั่ง และมั่นใจว่าคราบน้ำมันจะถูกขจัดได้หมดภายในวันนี้ ทะเลจะกลับมาใสดังเดิม

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยว่าได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัด หลังเกิดเหตุทุกฝ่ายร่วมมือกัน จนสามารถควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันดิบได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เป็นห่วงเรื่องปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลว่ามีมากเท่าใด จะควบคุมได้หรือไม่ แต่หลังรับฟังการชี้แจง จึงมั่นใจได้ว่าปริมาณที่เหลืออยู่ในขณะนี้จะไม่ส่งผลกระทบ ซ้ำรอยปี 2556 และจากการร่วมมือของทุกฝ่าย รวมถึงความพร้อมของอุปกรณ์จึงมั่นใจว่า เหตุน้ำมันรั่วไหลในทะเลครั้งนี้จะดำเนินการเสร็จสิ้นภายในวันนี้ พร้อมย้ำ บริษัทต้องรับผิดชอบดูแลเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทุกส่วน

ส่วนความคืบหน้าการขจัดคราบน้ำมัน วันนี้ได้มีการนำไบโอ ดิสเพอเซนท์ ชื่อ keeen oil spill controll ที่บริษัท keeen ร่วมกับ สวทช. วิจัยขึ้น เข้าไปจัดการกับน้ำมันที่แตกตัวแล้ว จากการฉีดพ่น มีน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน (Oil Spill Dispersant) ทั้งทางเรือ และทางเฮลิคอปเตอร์เพื่อย่อยสลายน้ำมัน ให้กลายเป็นน้ำและคาร์บอนไดออกไซน์ ซึ่งสามารถระเหยในอากาศได้ ช่วยไม่ให้เหลือตะกอนน้ำมันถูกพัดเข้าฝั่ง อันจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามแนวชายฝั่ง รวมถึงวิถีชีวิตและการท่องเที่ยวจังหวัดระยอง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง