สำนักข่าวไทย 25 พ.ย.-“หมอประสิทธิ์”ชี้เดือน ธ.ค.เป็นช่วงเวลาเสี่ยงโควิดแพร่หนัก ทั้งหยุดยาว อากาศหนาว สังสรรค์ ครบ 3 ปัจจัยเสี่ยง คนเสี่ยง สถานที่เสียง กิจกรรม ขอให้เคร่งครัดมาตรการป้องกันตนเองและรับวัคซีน ยกตัวอย่างต่างประเทศฉีดวัคซีนเกิน 70% ยังมีติดเชื้อสูง
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวอัปเดทสถานการณ์โควิด-19 เปรียบเทียบทั่วโลก โดยระบุว่า แม้ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนเกิน70% ทั้งครบโดสและเข็ม 1 และเริ่มมีการกระตุ้นวัคซีนเข็ม3 แต่ยังพบว่าการติดเชื้อและเสียชีวิตมากอยู่ เนื่องจากวัฒนธรรมความเชื่อการใช้ชีวิต ห่วงเดือนธันวาคมเป็นจุดเปลี่ยนติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากสถานการณ์ ช่วงที่ทวีปยุโรป มีอากาศหนาวเย็น มีวันหยุดยาวและมีคนรวมตัวพบะปะสังสรรค์ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ ดังนั้นเรียกร้องขอให้เคร่งรัดมาตรการทั้งระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัย เพื่อไม่ให้อัตราการติดเชื้อกลับมาพุ่งสูง เพราะในบางประเทศล่าสุด เช่น ออสเตรีย เพิ่งมีการประกาศล็อกดาวน์ เนื่องจากมีอัตราการติดเชื้อ 925 ต่อแสนประชากร และมีอัตรเสียชีวิตเพิ่มสูง แม้มีอัตราการรับวัคซีนในประเทศ สูงเกือบ 70%
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า จากการนำข้อมูลในต่างประเทศทั่วโลกมีการรับวัคซีนไปกว่า 7,731 ล้านโดสหรือคิดเป็น 7,908 ล้านคน จะเห็นว่ายุโรป สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร แม้มีการติดเชื้อสูงแต่อัตราตายต่ำ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนไปรับวัคซีน เพราะวัคซีนมีความปลอดภัยและช่วยให้ลดอัตราการเสียชีวิต และความรุนแรงลดลง ส่วนเรื่องของเชื้อกลายพันธุ์ขณะนี้ เดลตาพลัส ไม่น่าห่วง ยังไม่มีกลายพันธุ์ในจุดอื่นที่กระทบต่อวัคซีน พร้อมองค์การอนามัยโลก จับตาการติดเชื้อในสหราชอาณาจักร ที่พบว่า มีการติดเชื้อสูงขึ้น เกี่ยวกับสายพันธุ์หรือไม่ ขณะนี้มีรายงานจากต่างประเทศ พบการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ ใหม่ B.1.1.529 ในแอฟริกา 6 คน บอสวานา 3 คนและฮ่องกง 1คน โดยมีกลายพันธุ์ 32จุด ที่เกี่ยวกับสไปร์ท โปรตีน จึงมีความกังวล จะส่งผลต่อวัคซีน เนื่องจากกระบวนการผลิตวัคซีน มีการนำเอาสไปร์ทโปรตีนไปพัฒนา อาจส่งผลต่อภูมิคุ้มกัน
ศ.นพ.ประสิทธิ์ ยังกล่าวชื่นชมประเทศที่มีการเปิดประเทศและประสบความสำเร็จ ไม่ต้องกลับมาปิดประเทศอีก ได้แก่ ญี่ปุ่น อิสราเอล เพราะทุกคนเคร่งเครัดมาตรการ สำหรับในประเทศไทย ช่วงเดือนธันวาคมก็น่าเป็นห่วงเพราะเป็นวันหยุดยาวและช่วงของการเฉลิมฉลองไม่ต่างกับสงกรานต์ และเป็นการรวมของ 3 ปัจจัย ทั้งคนเสี่ยง สถานที่ และกิจกรรมเสี่ยงและทำให้เกิดช่วงเวลาเสี่ยง ดังนั้นขอให้ระวัง และเคร่งครัดมาตรการป้องกันต้องเองและผู้ประกอบการก็ต้องเคร่งครัดเช่นกัน ทั้งการฉีดวัคซีนให้ครบในพนักงาน และการตรวจหาเชื้อ ด้วย ATK คนเข้าไปใช้บริการก็ต้องระมัดระวังไม่ไปเพิ่มความเสี่ยงในสถานที่ หากทำได้ ก็จะช่วยให้ไม่ต้องมีการล็อกดาวน์อีก และไม่กระทบต่อเศรษฐกิจ อย่างที่หลายคนวิตกกังวล .-สำนักข่าวไทย