หวั่นพายุ 2 ลูกซ้ำชาวบ้าน สั่งกองทัพเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง

กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – “พล.อ.ประยุทธ์” หวั่นพายุ 2 ลูกซ้ำชาวบ้าน สั่งกองทัพเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง เสริมและกระจายกำลังลงช่วยลดอันตรายและความเสียหาย


พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับทุกเหล่าทัพให้คงกำลังสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นจากพายุ “เตี้ยนหมู่” ในพื้นที่ต่างๆ กว่า 30 จังหวัด ต่อเนื่องกันไปจนถึงขั้นฟื้นฟู

ขณะเดียวกัน ให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ผลกระทบจากร่องมรสุมพาดผ่านและผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ไลออนร็อก” และ “คมปาซุ” โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัย จากฝนตกสะสมต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยให้เสริมกำลังหมุนเวียนร่วมกับจิตอาสาและเครื่องมือช่าง กระจายลงพื้นที่เข้าช่วยประชาชนให้ทั่วถึง เพื่อลดอันตรายและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ขอให้ใช้สะพานทหารเข้าช่วยดำรงไม่ให้เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท


โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.64 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพ ยังคงกระจายกำลังลงพื้นที่ สนับสนุนให้การช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัย พายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง 33 จังหวัด โดยได้จัดกำลังพลหมุนเวียนกว่า 10,000 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์และเครื่องมือช่าง เช่น รถยนต์บรรทุกขนาดต่างๆ รถขุดตัก รถยนต์บรรทุกเทท้าย รถครัวสนาม รถประปาสนาม จัดสร้างพื้นที่พักหลบภัยชั่วคราว พร้อมห้องน้ำและห้องสุขา รถพยาบาล เรือท้องแบน เรือผลักดันน้ำ สะพานชนิดต่างๆ และอากาศยานไร้คนขับ เป็นต้น ลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือกู้ภัยเร่งด่วน ทั้งการอพยพประชาชน ขนย้ายสิ่งของ แจกจ่ายอาหาร สิ่งของบรรเทาทุกข์ และการรักษาพยาบาล การติดตั้งสะพานและยานพาหนะอำนวยความสะดวกการเดินทาง กรอกกระสอบทรายจัดทำพนังกั้นน้ำ และใช้เครื่องจักรเปิดทางระบายน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เรือผลักดันน้ำ รวมทั้งกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อลดระดับน้ำและความเสียหายในพื้นที่ให้มากที่สุด

สำหรับสถานการณ์ใน 16 จังหวัดที่คลี่คลายแล้ว กองทัพยังคงกำลังทหารในพื้นที่ สนับสนุนการช่วยเหลือ กำจัดซากปรักหักพัง รวมทั้งขนย้ายสิ่งของประชาชนที่ได้รับผลกระทบกลับเข้าบ้านเรือน ดูแลทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ โรงเรียน วัด และสถานพยาบาล ต่อเนื่องกันไป ทั้งนี้ ยังคงประสานทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ติดตามเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย จากผลกระทบจากพายุที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง เพื่อลดความเสียหายและผลกระทบกับประชาชนในวงกว้างต่อไป. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ