เตือนบริการตรวจภูมิโควิด ใช้ชุดตรวจ/น้ำยาฯ ไร้การรับรอง เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง

​กรุงเทพฯ 11 มิ.ย.-กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาชักชวนให้ตรวจหาแอนติบอดีเพื่อวิเคราะห์ภูมิคุ้มกันภายหลังการได้รับวัคซีนโควิด 19 โดยใช้ผลิตภัณฑ์ชุดตรวจหรือน้ำยาตรวจหาปริมาณภูมิคุ้มกัน (Quantitative antibody) ยังไม่มีการรับรองผลลัพธ์จากหน่วยงานใด เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง หลอกลวงประชาชน

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะนี้ รัฐบาลได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งจะทำให้สังคมและเศรษฐกิจสามารถเดินหน้าหรือนำไปสู่การเปิดประเทศ โดยมีผู้เข้ารับวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 1 แล้วมากกว่า 3.3 ล้านราย และเข็มที่ 2 มากกว่า 1.4 ล้านราย ซึ่งประชาชนบางส่วนที่ผ่านการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 2 แล้วก็อาจจะมีข้อสงสัยถึงสภาพร่างกายของตนว่ามีปริมาณภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด 19 มากน้อยเพียงใด แต่การตรวจหาภูมิคุ้มกันนั้นจะต้องตรวจหาด้วยวิธีการที่เป็นมาตรฐาน อาทิ Plaque Reduction Neutralization Test (PRNT) ซึ่งมีขั้นตอนที่ซับซ้อน เพราะฉะนั้นการตรวจโดยวิธีอื่นจึงได้ผลที่ไม่แน่นอนและไม่อาจรับรองได้ว่ามีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นหรือไม่ ด้วย ณ ปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์ชุดตรวจและน้ำยาตรวจตรวจหาปริมาณภูมิคุ้มกัน (Quantitative antibody) ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่สามารถนำมาให้บริการตรวจภูมิคุ้มกันหลังได้รับวัคซีนโควิด 19 จึงขอประชาสัมพันธ์ให้สถานพยาบาลทุกแห่ง หากมีการโฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับกรณีนี้ จะเข้าข่ายการโฆษณาอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง ฝ่าฝืนกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม


​นายแพทย์ธเรศฯ กล่าวต่อว่า ทางภาครัฐมีการศึกษาวิจัยผลลัพธ์หลังการฉีดวัคซีนโควิด 19 ในภาพรวมอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว การตรวจภูมิคุ้มกันจึงยังไม่มีความจำเป็นสำหรับบุคคลทั่วไป เพราะข้อมูลตัวเลขที่ได้รายบุคคลนั้นก็ไม่สามารถนำมาแปลผลได้ ทั้งยังเป็นการเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น และอาจจะสร้างความเข้าใจผิดต่อผลลัพธ์ของวัคซีนอีกด้วย อย่างไรก็ดี แม้จะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่โอกาสที่จะติดเชื้อโควิด 19 ยังคงมีอยู่จึงขอให้ประชาชนใส่ใจต่อพฤติกรรมสุขภาพ มีการเว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากที่พัก และล้างมือให้บ่อย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโควิด 19 ให้ตนเองอย่างยั่งยืนโดยมิต้องเสียทรัพย์สินแต่อย่างใด

ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส.กล่าวต่อว่า สำหรับบทกำหนดโทษของการโฆษณาอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง หรือน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการของสถานพยาบาล ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา ซึ่งต้องขอเน้นย้ำกับประชาชนว่าการรับบริการทางการแพทย์ประเภทใดก็ตามจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน อย่าด่วนตัดสินใจด้วยคำโฆษณา เพราะหากได้รับบริการทางการแพทย์ที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานแล้วนอกจากจะเสียทรัพย์สินโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ด้วย ทั้งนี้ หากพบเห็นหรือมีข้อสงสัยว่าการโฆษณาของโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกใดเข้าข่ายการโฆษณาอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินจริง สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนกรม สบส. 1426 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เพื่อดำเนินการตรวจสอบตามกฎหมาย ต่อไป.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยทั่วไทยอากาศหนาว-ภาคใต้ ฝนน้อย

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน อากาศหนาวถึงหนาวจัด ภาคใต้มีฝนน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย ก่อเหตุ จยย.บอมบ์

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย คาดเป็นคนร้ายก่อเหตุ จยย.บอมบ์ ปัตตานี มีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ทั้งเจ้าหน้าที่ อส. ตำรวจ และชาวมาเลเซีย

พิธีสืบพระชะตาหลวง

รัฐบาลจัดยิ่งใหญ่ พิธีสืบพระชะตาหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

รัฐบาลจัดพิธีสืบพระชะตาหลวงและพิธีแห่ไม้ค้ำโพธิ์หลวง อย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

เรือใบคาตามารันพร้อม 38 ชีวิต ล่มทะเลภูเก็ต

เรือใบคาตามารันล่ม ขณะนำนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือรวม 38 ชีวิต ออกไปดำน้ำบนเกาะราชา จ.ภูเก็ต ล่าสุดทุกคนได้รับการช่วยเหลือกลับเข้าฝั่งปลอดภัย