กรุงเทพฯ 10 มิ.ย.- คลังยกเลิกการระงับสิทธิชั่วคราวร้านค้าเข้าร่วมโครงการ “เราชนะ” 187 ราย ย้ำทุกฝ่ายใช้จ่ายอย่างถูกต้อง เพื่อร่วมกันฟื้นเศรษฐกิจ
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะ ได้ตรวจพบการกระทำผิดเงื่อนไข เช่น การรับแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด จึงได้ระงับสิทธิชั่วคราว จากนั้นได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดี จึงได้ระงับสิทธิชั่วคราวกับร้านค้า 2,751 ราย
เมื่อมีการชี้แจงโต้แย้งมาภายในระยะเวลาที่กำหนด คณะทำงานฯ จึงได้วินิจฉัยให้ยกเลิกการระงับสิทธิชั่วคราว 187 ราย เพื่อสามารถเข้าร่วมโครงการเราชนะ ในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ได้อีกครั้ง สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ผ่านการวินิจฉัย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จะส่งเอกสารแจ้งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตามที่อยู่ในทะเบียนราษฎร คลังยังเข้มงวดติดตามตรวจสอบประชาชนและผู้ประกอบการที่กระทำการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการอย่างใกล้ชิด จึงขอความร่วมมือให้ทุกคนใช้สิทธิอย่างถูกต้อง
สำหรับความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2564 ดังนี้ 1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 100,025 ล้านบาท 2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 17.1 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 146,471 ล้านบาท
และ 3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 20,116 ล้านบาท มูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทย 266,612 ล้านบาท และมีผู้ได้รับสิทธิใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิแล้ว 22.1 ล้านคน ใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ. – สำนักข่าวไทย