นิวยอร์ก 11 มี.ค. – คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประณามการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงในเมียนมา และเรียกร้องให้กองทัพแสดงความอดกลั้น แต่ไม่ได้ตำหนิการยึดอำนาจของกองทัพเมียนมาว่าเป็นการก่อรัฐประหาร และไม่ได้ขู่ที่จะใช้มาตรการลงโทษเพิ่มเติมเนื่องจากมีเสียงคัดค้านจากสมาชิกบางประเทศ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กล่าวในแถลงการณ์จากนครนิวยอร์ก ของสหรัฐว่า ขอประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงอย่างสันติที่รวมถึงสตรี เยาวชนและเด็ก ในเมียนมา คณะมนตรีความมั่นคงขอเรียกร้องให้กองทัพใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด และเน้นว่าทางคณะมนตรีความมั่นคงฯ กำลังเฝ้าจับตามองสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ข้อความที่ประณามการก่อรัฐประหารและข้อความที่ขู่จะใช้มาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติม ถูกตัดออกไปจากแถลงการณ์ที่อังกฤษเป็นผู้ร่างขึ้นมา เนื่องจากมีเสียงคัดค้านจากจีน รัสเซีย อินเดียและเวียดนาม
นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า เขาหวังว่า แถลงการณ์ของคณะมนตรีความมั่นคงฯ จะช่วยผลักดันให้กองทัพเมียนมาได้ตระหนักว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องปล่อยตัวนักโทษทั้งหมดและยอมรับในผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แม้เขาจะยอมรับว่า เมียนมายังไม่มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ก่อนเกิดรัฐประหาร
ในขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเพิ่มเติมแรงกดดันให้กับกองทัพเมียนมาที่ยังคงใช้กำลังปราบปรามกวาดล้างผู้ประท้วง กระทรวงการคลังสหรัฐได้ประกาศใช้มาตรการลงโทษบุตรชายและบุตรสาวรวม 2 คน ของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมาและบริษัท 6 แห่งที่พวกเขาควบคุมดูแลอยู่
ขณะนี้มีผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 60 ราย และอีกประมาณ 200 คน ถูกจับกุมตัวนับตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ทหารโค่นอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางอองซาน ซูจี และเมื่อวานนี้ กองกำลังความมั่นคงยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสกัดผู้ประท้วงหลายร้อยคนให้อยู่ภายในพื้นที่ 2 เขตในนครย่างกุ้งจนดึก ผู้ประท้วงบางคนที่สามารถเล็ดลอดแนวกั้นที่ตำรวจวางไว้ตามถนนในบริเวณรอบ ๆ ออกมาได้ กล่าวว่า มีการจับกุมผู้ประท้วงจำนวนมาก บางคนถูกทุบตีด้วย.-สำนักข่าวไทย