นนทบุรี 23 ก.พ. – รัฐมนตรีพาณิชย์ สั่งการพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบราคาสินค้าตามร้านค้าที่ได้ประโยชน์จากโครงการรัฐบาล ที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง เราชนะ ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาจนประชาชนเดือดร้อน ย้ำจับได้เจอโทษหนัก
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด ออกตรวจสอบราคาสินค้าที่จำหน่ายในร้านค้าที่ได้รับประโยชน์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คนละครึ่ง เราชนะ และล่าสุดกำลังจะมีเรารักกัน เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่สมเหตุสมผล จนทำให้ประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลได้รับความเดือดร้อน และให้รายงานสถานการณ์เข้ามาทุกวัน
ทั้งนี้ ขอให้ไปกำชับร้านค้าให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน และห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา หรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินสมควรโดยเด็ดขาด เพราะหากพบเห็น จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และมีโทษหนัก โดยมีโทษตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้า มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และกรณีขายแดงเกินสมควร มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามา ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับขึ้นราคาสินค้าทั่วๆ ไป แต่สินค้าที่มีปัญหามากในขณะนี้ คือ น้ำมันปาล์ม เพราะราคาผลปาล์มดิบในช่วงที่ผ่านมา มีราคาสูงขึ้นต่อเนื่องถึงกิโลกรัม (กก.) ละ 7 บาท ทำให้ต้นทุนน้ำมันปาล์มบรรจุขวดสูงขึ้นตาม ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม และห้างสรรพสินค้า เพื่อให้ช่วยกันตรึงราคาจำหน่ายให้นานที่สุด ไม่ให้หาผลกำไร จนสร้างความเดือดร้อนกับประชาชน
อย่างไรก็ตาม โดยปกติราคาผลปาล์มดิบที่กก.ละ 7 บาท คิดเป็นน้ำมันปาล์มขวด จะตกขวดละ 55 บาท แต่ได้เจรจาและหาทางตรึงราคาไว้ที่ไม่เกินขวดละ 49 บาท หรือต่ำกว่า เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเดือนดร้อน และคาดว่าตั้งแต่เดือน มี.ค. 2564 เป็นต้นไป ผลผลิตปาล์มจะออกมามาก ราคาน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ต้องดูแล 2 ทาง ทางหนึ่งต้องช่วยเกษตรกร ให้ขายผลผลิตได้ราคาดีขึ้นดีแต่จะตัองไม่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนมากจนเกินไปในช่วงนี้ . – สำนักข่าวไทย
