ทำเนียบรัฐบาล 28 ม.ค.-ศบค.เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 756 ราย เตรียมเสนอที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่พรุ่งนี้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการ ยอมรับหนักใจมีความเห็นแย้งเรื่องเปิดสถานที่ต่าง ๆ ขอห้างร้านอย่าเพิ่งจัดโปรโมชั่น ให้คนรวมตัวกันจำนวนมาก
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 756 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 746 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 22 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 724 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าสถานที่กักกันจากรัฐจัดให้ 10 ราย ทำให้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 16,221 ราย หายป่วยแล้ว 11,287 ราย รักษาตัวอยู่ 4,858 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 76 ราย
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก มียอดผู้ติดเชื้อรวม 101,433,090 ราย และเสียชีวิต 2,184,120 ราย ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด คือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 26,166,201 ราย อินเดีย จำนวน 10,702,031 ราย บราซิล จำนวน 9,000,485 ราย โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 120
“ระหว่างวันที่ 21-28 มกราคม มี 14 จังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ และมี 47 จังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อติดต่อกัน 7 วันที่ผ่านมา 2 จังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อติดต่อกันในช่วง 5-6 วันที่ผ่านมา และ 1 จังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อติดต่อกันในช่วง 3-4 วันที่ผ่าน ทั้งนี้ ข้อมูลตัวเลขเหล่านี้จะนำเสนอเข้าที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (29 ม.ค.) เพื่อพิจารณามาตรการผ่อนคลายทั่วประเทศ ซึ่งจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง คาดว่าจะได้รับการผ่อนปรนมาตรการมากกว่าจังหวัดที่ยังมีผู้ติดเชื้อ” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า ศบค.มีความหนักใจ เพราะยังมีความเห็นแย้งกันเรื่องการเปิดสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงเรียน เพราะถ้าเปิดเรียน จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้หรือไม่ และถ้าหากปิดเรียนต่อ จะทำอย่างไรกับการเรียนการสอนให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งศบค.ใช้หลักฐานข้อมูลที่มีความละเอียดจากทางด้านระบาดวิทยา แต่จะพิจารณาเรื่องการเฝ้าระวังอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาเรื่องทั้งเศรษฐกิจ สังคมด้วย เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ
“เมื่อผ่อนคลายแล้ว แต่ละจังหวัดจะพิจารณาความเหมาะสมของแต่ละจังหวัด และขอย้ำให้ภาคประชาชนการ์ดอย่าตก ต้องดูแลตัวเองอย่างเข้มงวด ขณะที่สถานบริการต่าง ๆ ที่ได้รับการผ่อนคลาย ต้องมีมาตรการดูแล ไม่ให้เกิดความแออัด เช่น ร้านค้าต่าง ๆ ขออย่าเพิ่งจัดกิจกรรมหรือจัดโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่ทำให้คนจำนวนมากเดินทางไปรวมตัวกัน” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวถึงแนวปฏิบัติกรณีนักเรียนจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดง เช่น จังหวัดสมุทรสาคร ต้องเดินทางไปเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ว่า ในส่วนของบุคคลจะต้องมีความรับผิดชอบร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการที่จังหวัดกำหนด ขณะที่มาตรการของจังหวัดหรืออำเภอจะต้องเข้มข้น โดยเฉพาะโรงเรียนต่าง ๆ หากทราบว่านักเรียนเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง จะต้องมีมาตรการเฝ้าระวังและตรวจคัดกรอง
“โรงเรียนสามารถกำหนดมาตรการให้มีการเรียนการสอนที่หลากหลายได้ โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เช่น การจัดระบบเรียนออนไลน์สำหรับนักเรียนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อลดการเดินทางเข้าพื้นที่ หากเป็นไปได้อยากฝากให้ทุกสถานศึกษาจัดระบบการเรียนแบบออนไลน์ควบคู่กับการเรียนปกติภายในโรงเรียน เพื่อที่ผู้ปกครองและนักเรียนจะได้มีตัวเลือกในการเรียนอย่างเหมาะสม ส่วนบางกรณีที่พบว่า แม้โรงงานจะอยู่คนละพื้นที่ แต่คนงานมีหอพักอยู่ที่เดียวกัน จึงต้องฝากภาคเอกชน ช่วยกันตรวจคัดกรองและเฝ้าระวังด้วย ” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า ภาครัฐจำเป็นต้องตั้งจุดตรวจคัดกรองในเส้นทางสำคัญ จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อช่วยกันลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ และในวันพรุ่งนี้(29 ม.ค.64) จะมีมาตรการผ่อนคลายออกมา แต่เน้นย้ำว่าทุกคนยังต้องร่วมมือกันป้องกันโรคโควิด-19อย่างเข้มงวด ขณะที่สาธารณสุขและโรงพยาบาลทุกแห่งยังคงทำงานอย่างแข็งขันและตั้งการ์ดสูง เพื่อความปลอดภัยของทุกคน.-สำนักข่าวไทย