นนทบุรี 21 ม.ค. – อธิบดี DITP วิเคราะห์นโยบาย “ไบเดน” คาดส่งผลดี เพิ่มโอกาสการค้า การลงทุนไทยในสหรัฐ คาดปี 64 ตลาดสหรัฐขยายตัวได้ร้อยละ 4
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีแ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามนโยบายด้านการค้าของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยพบว่าสหรัฐมีนโยบายลดการพึ่งพาต่างชาติด้วยการสร้างความเข้มแข็งอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ เช่น เวชภัณฑ์ สินค้าเทคโนโลยีขั้นสูง การย้ายฐานการผลิตคืนสู่สหรัฐ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Buy America และจะลดความตึงเครียดจากสงครามการค้าด้วยการใช้วิถีทางของกฎหมายทางการค้า แต่ยังไม่เปิดเจรจาการค้าใดๆ รวมทั้งจะยกเลิกนโยบายโดดเดี่ยวหันมาสร้างพันธมิตร ให้ความสำคัญกับการต่อสู้โลกร้อน และผ่อนคลายเรื่องแรงงานต่างชาติ เป็นต้น
ส่วนในกรณีของจีน จะไม่ยกเลิกมาตรการต่างๆ ของประธานาธิบดีทรัมป์โดยทันที แต่อาจดำเนินการใน ลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และมีแนวโน้มต่อนโยบายในเรื่องการเข้มงวดกับการขายสินค้าเทคโนโลยี และเซมิคอนดักเตอร์ให้แก่จีน และการจำกัดการนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงจากจีน ส่วนสหภาพยุโรป (อียู) นายไบเดนไม่มีนโยบายทำสงครามการค้า เน้นการฟื้นฟูมิตรภาพ แต่ยังต้องแก้ปัญหาความไม่สมดุลการค้าสินค้าเกษตร ในส่วนที่เกี่ยวกับ เม็กซิโกและแคนาดา เห็นว่า สนธิสัญญา USMCA (United States-Mexico-Canada) เป็นข้อตกลงที่ดีกว่า NAFTA (North American Free Trade Agreement) ในด้านสิ่งแวดล้อม ขณะที่เอเชียยังไม่แสดงความเห็นการเข้าร่วม RCEP และ CPTPP แต่นโยบายจะให้ความสำคัญกับเอเชียมากขึ้น รวมถึงมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์และร่วมมือกับ WTO มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นโยบายของนายไบเดน น่าจะส่งผลดีทำให้ความสัมพันธ์ของสหรัฐ กับกลุ่มประเทศเอเชียดีขึ้น สร้างโอกาสเพิ่มความร่วมมือทางการค้าการลงทุนของธุรกิจสหรัฐ ในไทย และช่วยเพิ่มโอกาสให้ไทยเข้าไปลงทุนในสหรัฐ โดยเฉพาะสินค้าที่มีมาตรการทางการค้าสูงหรือไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง โดยใช้สหรัฐ เป็นฐานการผลิต และยังจะได้รับผลดีจากการที่สหรัฐ ไม่ยกเลิกภาษีนำเข้าจากจีนในทันที ทำให้ไทยยังสามารถใช้ประโยชน์ส่งออกที่ไปทดแทนสินค้าจากจีนได้
ทั้งนี้ คงจะต้องระวังผลกระทบจากกรณีที่สหรัฐ จะพึ่งพาการผลิตในประเทศมากขึ้น ทำให้จะมีการใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (NTMs) เพิ่มขึ้น สินค้ากลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนจะได้รับผลกระทบจากนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อมและรถยนต์ไฟฟ้า และยังให้ความสำคัญเรื่องการผลิตที่จะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งต้องระวังในเรื่องการย้ายฐานการผลิตมาไทยที่จะลดลง หลังจากสงครามการค้าชะลอตัว นอกจากนี้ยังต้องจับตาดูนโยบายด้านการเงินการคลังของสหรัฐฯ ที่จะมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อค่าเงินบาทในอนาคตได้
ทั้งนี้ กรมฯ จะยังเดินหน้าขยายตลาดส่งออกในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องต่อไป เพราะเป็นตลาดหลักที่สำคัญ โดยปี 2564 ได้ตั้งเป้าขยายตัวที่ร้อยละ 4 โดยสินค้าที่มีศักยภาพ คือ อาหารสำเร็จรูป อาหารเสริม สินค้าที่เกี่ยวกับการทำงานที่บ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน วัสดุแต่งสวน สินค้าสัตว์เลี้ยง เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ออกกำลังกาย เกม และความบันเทิงภายในบ้าน และสินค้าป้องกันส่วนบุคคล เช่น ผลิตภัณฑ์ PPE เป็นต้น ที่จะมีความต้องการจนกว่าโควิด-19 จะคลี่คลาย
สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในตลาดสหรัฐ จะให้ความสำคัญกับการผลักดันสินค้าและบริการที่มีศักยภาพของไทย โดยสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป เช่น อาหารแปรรูป สินค้าเกษตรอินทรีย์ ข้าว ผลไม้ไทย สมุนไพรไทย เป็นต้น โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์และสตาร์ทอัป จะได้เข้าร่วมกิจกรรมงานแสดงสินค้าในรูปแบบออนไลน์ และสำหรับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน มีการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในสหรัฐ รวมถึงจัด Virtual Trade Show ในกลุ่มสินค้าอาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ทางการแพทย์ (PPE) เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเจรจาธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย นอกจากนี้จะได้เน้นการจัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ในกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดสหรัฐ อีกด้วย
นอกจากนี้ จะได้เร่งพัฒนาและส่งเสริมการค้าปลีกสมัยใหม่ผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ระหว่างประเทศ ผ่านการจัดตั้งห้างสรรพสินค้าออนไลน์ TOPTHAI Store บนแพลตฟอร์ม Amazon.com , การประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์สินค้าไทย เจาะกลุ่มผู้บริโภค Millennials and Gen Z ผ่าน Social Influencers ต่าง ๆ และโฆษณาประชาสัมพันธ์ตรา Thai Select ให้เป็นที่รู้จัก เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมร้านอาหารที่เป็นสมาชิก Thai Select ใน Social Media ต่างๆ, ประชุมหารือกับผู้นำเข้ารายสำคัญเพื่อติดตามสถานการณ์ และนำเสนอสินค้าไทยรายการใหม่ๆ รวมถึงประชาสัมพันธ์ชักชวนให้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า กิจกรรมในไทยในปี 2564 และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลการค้าการลงทุนในสหรัฐฯ ผ่านเว็บไซต์ ThaiTradeUSA.com เป็นต้น . – สำนักข่าวไทย