ทำเนียบฯ 9 ม.ค.-นายกรัฐมนตรีคุยกับเยาวชนใน “รัฐฟังฉัน” ฟังเสียงสะท้อนและข้อเสนอ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2564
วันนี้ (9 มกราคม 2564) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมสนทนากับผู้แทนเยาวชน เผยแพร่ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) โดยนายกรัฐมนตรีย้ำ ทุกคนคือบุคคลสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ พร้อมขอให้เยาวชนไทยยึดมั่น คุณธรรม รักภักดี ต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการว่า วันนี้เป็นงานวันเด็ก ที่ไม่เหมือนทุกปีทั่วไป เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 อยากให้ทุกคนช่วยกันดูแล ป้องกันตัวเอง วันเด็กแห่งชาติ เป็นวันที่สำคัญของเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นความหวังและความสวยงามที่ทุกคนสามารถดำเนินชีวิตไปในวันข้างหน้า พร้อมอัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2564 ความว่า “วัยเด็กเป็นวัยที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการวางรากฐานของชีวิต เด็กทุกคนควรตั้งใจศึกษาและฝึกฝนตนเอง ให้ถึงพร้อมทั้งความรู้และความดี แต่ละคนจะได้มีรากฐานที่มั่นคง เพื่อพัฒนาต่อยอด เป็นความสำเร็จ ความเจริญ และความสุขในชีวิตในวันข้างหน้า” จึงอยากเห็นเยาวชนสืบสานต่อยอดตามพระบรมราโชวาท เข้าใจซึ่งกันและกัน มีส่วนร่วมในการทำงาน การคิดนอกกรอบนั้นสามารถทำได้ แต่เมื่อลงมือทำก็ต้องมาให้เข้ามาในกรอบ การทำงานจะลงมือทำคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกันทำ รัฐบาลถือเป็นวาระแห่งชาติที่จะดึงทุกภาคส่วน ให้เข้ามามีส่วนร่วมและทำงานร่วมกัน แม้วันนี้ไม่ได้จัดงานในสถานที่จริง แต่ก็ยินดีที่จะจัดรายการผ่านระบบออนไลน์ เพื่อมอบสิ่งดี ๆ และความสุขให้กับลูกหลาน วันนี้ตั้งใจเปิดพื้นที่ สร้างเวที แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพ ซึ่งทุกคนคือบุคคลสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ อยากให้เยาวชนไทยทุกคนมีคุณธรรม จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์
ระหว่างการสนทนาในรายการ นายกรัฐมนตรียังชื่นชมการรวมกลุ่มของเยาวชนเพื่อทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เช่น กลุ่มสม็อกกะธอน สนใจการแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่า กลุ่มแฮกกะธอน ที่รวบรวมปัญหาของระบบราชการไทย หรือกลุ่มยูธอินชาร์จ ที่รวมเยาวชนที่เป็นพลังในด้านต่างๆ ซึ่งรัฐบาลกำลังดูว่าจะต่อยอดกิจกรรมเหล่านี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลก็คำนึงถึงการดูแลกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้พิการที่มีประมาณสองล้านคนทั่วประเทศ ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติและมีความสุข ยกระดับทักษะและอาชีพคนพิการ ด้วยศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้การดูแลทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ยังให้มีการรวบรวม Big Data ชุมชนที่มีอยู่ในกรุงเทพกว่า 2,000 ชุมชน เพื่อนำมาวิเคราะห์เพื่อสนับสนุนให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้
โอกาสนี้ นายรวินท์ ชอบใช้ กล่าวถึงการทำงานในปัจจุบันได้ร่วมกับภาครัฐและหน่วยราชการ ที่เชื่อในพลังของคนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสทำงานช่วยเหลือสังคม โดยจัดทำโครงการ “รัฐฟังฉัน” เพื่อเป็นเครื่องมือในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและเป็นช่องทางในการแสดงความคิดเห็นและโครงการของเยาวชนที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสังคมชุมชนให้ดีขึ้น และเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนอีกด้วย ขณะที่นางสาวเมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ กล่าวสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่ต้องการสนับสนุนให้คนพิการเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน โดยตนเองได้ร่วมกับหน่วยงานจัดให้มีการพัฒนาอบรมทักษะดิจิทัลในการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อพัฒนางาน AI ให้คนพิการ 400 คน และหลังจากนี้ 400 คน ที่ผ่านการอบรมแล้ว จะมีการนำ 200 คน จากกลุ่มนี้จัดงานเชื่อมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งในปีนี้ จะมี AI ตัวแรกของโลกที่คนพิการไทยได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย นางสาวนวรัตน์ แววพลอยงาม กล่าวถึงการทำงานพัฒนาชุมชนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 เริ่มต้นที่ชุมชนบ้านเกิดของตนเอง คือ ชุมชนนางเลิ้ง โดยทำงานกับผู้ด้อยโอกาสและงานพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กในชุมชนต่างๆ ปัจจุบันได้สร้างเข้มแข็งให้คนในชุมชน ยกตัวอย่างและในการรับมือกับสถานการณ์โควิด -19 โดยจัดตั้งกลุ่มศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ระดับชุมชน Community x Covid-19 เพื่อระดมสิ่งของ อาหาร น้ำอุปโภคบริโภคให้กับคนในชุมชนนางเลิ้ง นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์รวบรวมอาหารของดีของนางเลิ้ง จึงอยากให้ภาครัฐช่วยส่งเสริมแพลตฟอร์มของชุมชน รวมทั้งการท่องเที่ยวชุมชน การใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือพัฒนาศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นในชุมชน ตลอดจนสร้างเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนเพื่อสร้างการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวมมากยิ่งขึ้น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ช่วงหนึ่งในรายการ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมกิจกรรม “รัฐฟังฉัน” ขณะเดียวกันก็ขอให้เยาวชน “ฉันฟังรัฐ” ด้วย พร้อมฝากให้ผู้แทนเยาวชนช่วยเสนอแนะด้วยที่จะทำให้คนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่าสามารถผสานแนวคิดเพื่อพัฒนาไปด้วยกัน รวมทั้งการเรียนรู้เท่าทันเทคโนโลยีและโซเซียวมีเดีย ทั้งนี้จะได้นำความคิดเห็นของทุกคน ปรับให้สอดคล้องกับการทำงานและเชื่อมต่อกับสภาเด็กและเยาวชน โดยนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวตอนท้ายรายการว่าพร้อมรับเป็นที่ปรึกษาให้กับกลุ่มเยาวชนและยินดีสนับสนุน เพราะอยากเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมาตามที่เยาวชนเสนอมาด้วย.-สำนักข่าวไทย