กรุงเทพฯ 8 ม.ค.- รฟท.ประกาศงดเดินขบวนรถท่องเที่ยว และขบวนรถเชิงพาณิชย์ 42 ขบวน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยสามารถคืนเงินตั๋วโดยสารเต็มราคา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (8 ม.ค.) การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศงดเดินขบวนรถท่องเที่ยว จำนวน 12 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2564 และขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน 30 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้โดยสารสามารถนำตั๋วโดยสารมาติดต่อขอรับเงินคืนได้เต็มราคาเป็นกรณีพิเศษทุกสถานีทั่วประเทศ ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของ ศบค. เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ ศบค.ที่ต้องการให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การรถไฟฯ จึงได้ประกาศงดเดินขบวนรถท่องเที่ยวที่ให้บริการเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ จำนวน 12 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2564 และขบวนรถ เชิงพาณิชย์ จำนวน 30 ขบวน ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม-28 กุมภาพันธ์ 2564 ประกอบด้วย
ขบวนรถท่องเที่ยวที่งดเดิน (จำนวน 12 ขบวน)
ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่ 997/998 กรุงเทพ – พลูตาหลวง – กรุงเทพ
ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่ 909/910 กรุงเทพ – น้ำตก – กรุงเทพ
ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่ 911/912 กรุงเทพ – สวนสนประดิพัทธ์ – กรุงเทพ
ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่ 915/916 กาญจนบุรี – น้ำตก – กาญจนบุรี
ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่ 921/926 กรุงเทพ – โคกสลุง – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ – กรุงเทพ
ขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่ 923/928 กรุงเทพ – โคกสลุง – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ – กรุงเทพ (เที่ยว 2)
ขบวนรถเชิงพาณิชย์ที่งดเดินในเส้นทางสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้ (รวมทั้งสิ้น 30 ขบวน) ได้แก่
สายเหนือ (8 ขบวน)
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9/10 (อุตราวิถี) กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 107/108 กรุงเทพ – เด่นชัย – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 109/102 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ
สายอีสาน (12 ขบวน)
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 23/24 (อีสานวัตนา) กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 25/26 (อีสานมรรคา) กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 71/72 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 139/140 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 145/146 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
สายใต้ (10 ขบวน)
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31/32 (ทักษิณารัถย์) กรุงเทพ – ชุมทางหาดใหญ่ – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 39/40 กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 43/44 กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพ – ตรัง –กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 175/176 ชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโกลก – ชุมทางหาดใหญ่
ผู้โดยสารสามารถนำตั๋วโดยสารมาติดต่อขอรับเงินคืนได้เต็มราคาเป็นกรณีพิเศษทุกสถานีทั่วประเทศ นอกจากนี้ การรถไฟฯ มีการดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ขั้นสูงสุด เพื่อป้องกันและดูแลความปลอดภัย พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสาร ทั้งในขบวนรถโดยสาร สถานีรถไฟทั่วประเทศ ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางราง ดังนี้
- ประกาศใช้มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) สูงสุดทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยแก่ผู้โดยสาร โดยมีการตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิ บริการเจลแอลกอฮอล์แก่ผู้โดยสาร
- ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการป้องกันตนเองผ่านช่องทางต่างๆ โดยเน้นย้ำให้มีการทำความสะอาดสถานีรถไฟ ขบวนรถโดยสาร สถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ที่พักผู้โดยสาร สถานที่ให้บริการ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์สม่ำเสมออย่างน้อยทุกๆ 2 ชั่วโมง และฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อขบวนรถโดยสารทั้งสถานีต้นทางและปลายทางทุกครั้ง
- เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดมากขึ้นในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น โดยทำความสะอาดรอบใหญ่ หรือ Big Cleaning ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณอาคารสถานี ชานชาลา ที่พักผู้โดยสาร ห้องสุขาทุก 3 วัน รวมถึงการทำความสะอาดอุปกรณ์ที่มีผู้โดยสารใช้ร่วมกันทุก 1 ชั่วโมง
- ขอความร่วมมือผู้โดยสารทุกคนให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง และลงทะเบียนหรือสแกนคิวอาร์โค้ด เช็กอิน/เช็กเอาต์ที่แอปพลิเคชันไทยชนะ ทุกครั้งที่ใช้บริการ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และหากพบเห็นผู้โดยสารที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ทั้งบริเวณสถานีรถไฟ หรือบนขบวนรถ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานี/ขบวนรถ หรือ ศูนย์ปลอดภัยของการรถไฟฯ โทรศัพท์ 02-5379198 ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์สายด่วน 1690 ได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง.- สำนักข่าวไทย