เปิดใจฮีโร่ถีบ จยย.ช่วยจับ “ชายคลั่ง”

อุดรธานี 8 ธ.ค. – เปิดใจ “ชยพล-ประสิทธิ์” 2 หนุ่มช่วยถีบรถจักรยานยนต์เพื่อหยุด “ชายคลั่ง” ใช้มีดปลายแหลมไล่แทงคนบาดเจ็บ 6 ราย เสียชีวิต 2 ราย กลางเมืองอุดรธานี


กรณีนายอิธิพล อิ่มผึ่ง อายุ 31 ปี ขี่รถจักรยานยนต์ไล่แทงผู้หญิงและเด็กในเขตเทศบาลนครอุดรธานี เสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บ 6 ราย ก่อนถูกตำรวจและอาสากู้ภัยจำนวนมากล้อมจับได้พร้อมมีดปลายแหลม แต่ให้การไม่รู้เรื่อง วกไปวนมา อ้างเสพยาบ้าและป่วยจิต แต่ตำรวจตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบการเข้ารักษาและไม่พบสารเสพติด ก่อนสารภาพว่าทำไปเพื่อระบายแค้นและแทงไปมั่วๆ ตั้งข้อหาหนัก “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีไม่นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนชี้จุด เกรงจะถูกประชาทัณฑ์ เพราะประชาชนยังโกรธแค้น พนักงานสอบสวนวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ฝากขังศาล ก่อนนำตัวไปตรวจสภาพจิตที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และนำตัวไปควบคุมในเรือนจำกลางอุดรธานี

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่ากรณีมีคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดว่า มีพลเมืองดีช่วยจับนายอิธิพลลงในเพจอุดรมีด่าน มีข่าว มีหมอลำ งานบุญ มีเหตุการณ์ต่างๆ บอกด้วย และมีคนเข้ามาแชร์และคอมเมนต์ขอบคุณและให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก โดยคลิปดังกล่าวเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าร้านพีโมบาย จำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ถนนประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี ได้เผยแพร่คลิปขณะนายอิธิพลขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้าน และมีพลเมืองดีขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตาม 4 คัน มีเฮียน้อย พนักงานเคอร์รี่ แกร็บ และรถหนุ่ม-สาว ซึ่งมีพนักงานบริษัทเคอร์รี่ขี่รถจักรยานยนต์ประกบ และถีบรถจักรยานยนต์เพื่อหยุดไอ้คลั่ง จนรถเสียหลักล้มลง แต่ไอ้คลั่งกระโดดออกจากรถ ถือมีดอาละวาดอยู่หน้าร้าน พลเมืองดีทั้ง 4 คน ได้ช่วยกันหาอาวุธไล่ต้อนรอตำรวจมาจับกุมตัว


ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายชยพล วาทะบัณทิตกุล อายุ 22 ปี พนักงานเคอร์รี่ สาขายูดีทาวน์ เขตเทศบาลนครอุดรธานี นายชยพล เล่าว่า ทำงานบริษัทเคอร์รี่มาประมาณ 4 ปี ก่อนเกิดเหตุขี่รถจักรยานยนต์บรรทุกกล่องพัสดุไปส่งลูกค้าภายในซอยเชิดสมบัติ ถนนประจักษ์ศิลปาคม พบพลเมืองดีขี่รถไล่ตามคนร้ายมา พร้อมกับบีบแตรตะโกนบอกว่าช่วยจับฆาตกร มันฆ่ามาหลายคนแล้ว ตนจึงขี่รถไล่ติดตามไป พร้อมกับคิดในใจว่าทำไมไม่ถีบรถให้ล้ม ตนจึงตัดสินใจประกบถีบแฮนด์รถคนร้ายล้มใกล้บริเวณหอนาฬิกา เพื่อหยุดคนร้ายไม่ให้ไปก่อเหตุอีก แต่ระหว่างหันไปหยิบเอาพลั่วในร้านขายวัสดุก่อสร้างมาล้อมไม่ให้คนร้ายหลบหนี คนร้ายยังไปแทงผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ ได้รับบาดเจ็บ พอดีกับอาสากู้ภัยและตำรวจไล่ตามมาและจับตัวคนร้าย พอรู้ว่าคนร้ายก่อเหตุแทงคนตายและเจ็บหลายราย ตนก็สั่นและโทรหาผู้จัดการว่าได้มาช่วยจับคนร้าย และตั้งสติอยู่ประมาณ 1 ชม. จึงไปส่งพัสดุต่อ จากที่เห็นสภาพของคนร้าย เชื่อว่าคนร้ายเมายาบ้ามากกว่า ไม่เกี่ยวกับการเล่นของ พอมีคลิปออกมาในเพจ ตนเข้าไปดูและตอบคอมเมนต์ว่าทำงานที่เคอร์รี่ สาขายูดีทาวน์ เช้านี้ก็มีแฟนคลับนำเค้กมาให้ โดยหน้าเค้กเขียนว่า “แด่ฮีโร่” ซึ่งตนจะนำเค้กไปแจกเพื่อนร่วมงานกินด้วย

ส่วนนายประสิทธิ์ น้อยจุฬา อายุ 30 ปี หรือแจ็ค หนุ่มแกร็บ เล่าว่า ทำงานมา 1 ปี หลังจากไปส่งอาหารให้ลูกค้าที่สามแยกทีโอที ถนนวัฒนานุวงศ์ แล้วเลี้ยวเข้าเชิดสมบัติ พบพลเมืองดีขี่รถไล่คนร้าย เข้าซอยแจ่มนุสรณ์ ไปทะลุถนนประจักษ์ น้องเคอร์รี่ถีบรถล้ม พี่พลเมืองดีบอกอย่าเข้าใกล้ เพราะมันมีอาวุธ แล้วเอาไม้ไล่ตี ตนไปถึงคนสุดท้าย คนร้ายยังกระโดดคว้าน้องผู้หญิงผู้บาดเจ็บคนสุดท้าย พวกตนจึงเอาไม้ตี กระทั่งตำรวจและอาสากู้ภัยมาจับคนร้าย ตนคิดว่าเมายาบ้ามากกว่าของขลังขึ้น เพราะสมัยนี้ของขลังหายาก ไม่มีแล้ว พอมีการแชร์คลิปออกไปก็รู้สึกดีที่ตัดสินใจไม่ผิดที่ช่วยหยุดคนร้าย

ส่วนช่วงเช้าวันนี้ นายสุติ หินคำ และนางนันทนา หินคำ พ่อแม่ พร้อมญาติของ น.ส.ชลดา หินคำ หรือ “น้องจูน” ที่ถูกแทงจนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เดินทางไปที่เมรุ วัดโพธิสมภรณ์ (พระอารามหลวง) เทศบาลนครอุดรธานี เพื่อเก็บเถ้ากระดูกของน้องจูน ที่ได้ทำการฌาปนกิจเมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (7 ธ.ค.) โดยนำเถ้ากระดูกใส่ผ้าขาวนำมาทำพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านบ่อสร้าง ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง ที่เป็นวัดอยู่ใกล้บ้านของน้องจูน หลังจากนั้นได้แบ่งกระดูกออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นฟันจะไปใส่กรอบไว้เวลาคิดถึงลูกก็จะเอาออกมาดู ส่วนเถ้ากระดูกที่เหลือจะนำบรรจุใส่เจดีย์ไว้ที่วัดบ่อสร้าง


นางนันทนา แม่ของ “น้องจูน” เปิดเผยว่า น้องจูนเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่สร้างความยุ่งยากให้กับใคร ไม่ค่อยพูด ถ้าพูดแล้วจะจริงจัง เรื่องงานเรื่องการทำจริง มอบหมายงานอะไรให้เขาจะเรียบร้อยหมด จากนี้ไปพ่อกับแม่คงค้าขายไปตามปกติ ทำปลาทูขาย ครอบครัวยังคงเหลือแต่พี่ชายเขาอีกคนหนึ่ง ดีที่ว่ายังมีพี่เขาอยู่ เราไม่เสียลูกไปทั้งหมด ต้องทำใจในตรงนี้ มันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับ

น.ส.มะลิดา สุตะคาย อายุ 30 ปี อาของน้องจูน เปิดเผยว่า หลังเผาศพเสร็จได้เอารูปน้องไปเก็บในห้องเขาที่บ้าน หลังจากเก็บรูปก็ไปรับพ่อแม่และย่าที่วัด ซึ่งเราขับรถไปก็รู้สึกเหมือนว่าน้องจูนเขานั่งรถมาด้วย เพราะว่าเอกสารที่เป็นของส่วนตัวของน้องจูนที่เราเก็บไว้ที่เบาะหลังตกลงมา ทั้งที่รถเราก็ปิดกระจกหมดทุกบาน ซึ่งไม่แน่ใจว่าน้องจูนเขานั่งรถมากับเราด้วยหรือไม่ เลยบอกไปว่า น้องจูนไม่ต้องมาด้วยหรอก เพราะมารับพ่อแม่กลับบ้านด้วยเหมือนกัน พอถึงวัดเลยเล่าให้พ่อแม่และย่าฟังว่าน้องจูนนั่งรถมากับตน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย