กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. – สธ.เผยพบหญิงติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 6 ราย สอบประวัติพบทำงานสถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา ซึ่งเป็นที่เดียวกับหญิง 4 คน ที่ป่วยโควิด-19 และหลบหนีเข้าไทยทางช่องทางธรรมชาติ ย้ำให้ช่วยกันสอดส่องคนทำงานในเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง หวั่นเชื้อแพร่กระจาย
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงการสอบสวนโรคหญิงไทยทำงานในสถานบันเทิงที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก เมียนมา และหลบหนีเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ว่า วันนี้ (2 ธ.ค.) พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 6 คน ทั้งหมดเป็นหญิง มีประวัติทำงานและไปเที่ยวในสถานบันเทิงเดียวกับหญิง 4 คน ที่ป่วยติดเชื้อโควิดก่อนหน้านั้น ขณะนี้ทั้งหมดเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลแล้ว โดย 2 คน อยู่ใน จ.เชียงใหม่ ส่วนที่เหลืออยู่ใน จ.พะเยา พิจิตร ราชบุรี และ กทม. จังหวัดละ 1 คน
รายแรก หญิงอายุ 28 ปี อาศัยอยู่ใน จ.พะเยา กลับไทยเมื่อวันที่ 27 พ.ย.63 ผ่านช่องทางธรรมชาติ กับชาวเมียนมา 1 คน โดยรถจักรยานยนต์ จ้างแท็กซี่จากขนส่งแม่สาย ไปหน้า Big C เชียงราย เวลา 18.00 น. วันที่ 28 พ.ย. พักในตัวเมืองเชียงราย เย็นวันที่ 29 พ.ย. เดินทางไปกับแฟนที่ขับรถยนต์มารับจาก จ.พะเยา ไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค และนั่งดื่มเบียร์ที่ลานเบียร์ สวมหน้ากากตลอดเวลา ยกเว้นตอนดื่ม จากนั้นเข้ารับการตรวจเชื้อที่ รพ.เอกชน หลังจากทราบข่าวว่า เพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันป่วยโควิด-19 เมื่อทราบว่าป่วยเข้ารับการรักษาที่ รพ.พะเยา
รายแรก หญิงอายุ 28 ปี อาศัยอยู่ใน จ.พะเยา กลับไทยเมื่อวันที่ 27 พ.ย.63 ผ่านช่องทางธรรมชาติ กับชาวเมียนมา 1 คน โดยรถจักรยานยนต์ จ้างแท็กซี่จากขนส่งแม่สาย ไปหน้า Big C เชียงราย เวลา 18.00 น. วันที่ 28 พ.ย. พักในตัวเมืองเชียงราย เย็นวันที่ 29 พ.ย. เดินทางไปกับแฟนที่ขับรถยนต์มารับจาก จ.พะเยา ไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค และนั่งดื่มเบียร์ที่ลานเบียร์ สวมหน้ากากตลอดเวลา ยกเว้นตอนดื่ม จากนั้นเข้ารับการตรวจเชื้อที่ รพ.เอกชน หลังจากทราบข่าวว่า เพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันป่วยโควิด-19 เมื่อทราบว่าป่วยเข้ารับการรักษาที่ รพ.พะเยา
รายที่ 2 หญิงอายุ 21 ปี อาศัยใน กทม. มีประวัติไปที่สถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก พร้อมกับเพื่อนสนิทที่อยู่ จ.พิจิตร และเดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. แล้วขึ้นเครื่องบินไฟลท์ DD 8717 ลงสนามบินดอนเมือง เวลา 17.00 น. จากนั้นนั่งแท็กซี่จากสนามบินกลับที่พัก วันที่ 29 พ.ย. ไปตรวจที่คลินิกแพทย์ ได้รับคำแนะนำให้ไปตรวจที่ รพ. จึงนั่งรถยนต์ส่วนตัวมากับแฟน เพื่อไปตรวจที่ รพ.เอกชน ผลการตรวจพบเชื้อ SARS-CoV-2 (แฟนเข้ากักตัวแล้ว ส่วนแท็กซี่กำลังติดตามตัว)
รายที่ 3 หญิงอายุ 25 ปี จ.พิจิตร ไม่มีอาการ แต่เนื่องจากเป็นเพื่อนกับหญิงอายุ 28 ปี จ.พะเยา จึงเข้าตรวจหาเชื้อ และเข้าสู่การกักกันโรค ตั้งแต่เมื่อวานนี้ และพบเชื้อ ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามผู้สัมผัส
รายที่ 4 หญิงอายุ 36 ปี จ.ราชบุรี มีประวัติไปทำงานที่สถานบันเทิงใน จ.ท่าขี้เหล็ก ระหว่างวันที่ 3-28 พ.ย. / 23-24 พ.ย.63 ไปเที่ยวสถานบันเทิง 1G1 Party 2 คืน และในงานพบกับ case ที่มีผลการตรวจพบเชื้อ SAR-CoV-2 / 28 พ.ย. เดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ เดินทางไปสนามบินเชียงใหม่โดยรถยนต์ของเพื่อน พร้อมแฟนเพื่อน ทั้งคู่ไม่สวมหน้ากากอนามัย จากนั้นนั่งเครื่องบิน Thai Lion Air ถึงดอนเมือง เวลา 12.00 น. แล้วนั่งแท็กซี่ไปหมอชิต จากนั้นนั่งรถตู้ต่อไปยัง Big C ราชบุรี และนั่งวิน จยย.ไปตรวจที่ รพ.เอกชน / 1 ธ.ค. ทราบข่าวว่าเพื่อนติดเชื้อ แพทย์จึงส่งตรวจหาเชื้อ และได้ผลยืนยันตรวจพบเชื้อ
ส่วนรายที่ 5 และรายที่ 6 เป็นหญิง อายุ 23 ปี และ 25 ปี จ.เชียงใหม่ ไม่มีอาการ แต่ตรวจพบเชื้อ SARS-CoV-2 วันที่ 26 พ.ย. เดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ 3 คน โดยการเดินเท้า และจ้างวิน จยย. ไปนอนค้างบ้านเพื่อนที่ อ.แม่สาย / 28 พ.ย. เหมารถจากแม่สายไปส่งที่บ้านพักและหอพักย่านสันติธรรม หลังไปตรวจที่ รพ.เอกชน เนื่องจากทราบว่า เพื่อนที่ทำงานที่เดียวกันป่วย และพบเชื้อโควิด-19 จึงได้ติดตามเพื่อนอีก 2 คน ที่พักเดียวกันมาตรวจ เบื้องต้นผลเป็นลบ แต่ยังต้องกักตัวดูอาการ
ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 10 คนนี้ ให้รายงานตัวกับสาธารณสุขจังหวัด หรือที่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลใกล้บ้าน เพื่อรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ หรือเฝ้าสังเกตอาการตัวเอง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม แม้บางสถานที่ที่ทั้ง 10 คนไป จะไม่ได้สวมหน้ากากตลอดเวลา แต่หากคุยในระยะห่าง 1 เมตร ไม่ถึง 5 นาที และสวมหน้ากากตลอดเวลา ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือไม่มีความเสี่ยงเลย พร้อมเตือนการลักลอบเข้าเมือง และไม่ผ่านการกักตัวดูอาการ มีความผิดทั้ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง, พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่พบการติดเชื้อในประเทศ โดยทั้งหมดเป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศ. – สำนักข่าวไทย