สุราษฎร์ธานี 2 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนที่วัดพระเจดีย์แหลมสอ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ระบุปวดใจเห็นธุรกิจเงียบเหงา เดินหน้าฟื้นฟูท่องเที่ยวภาคใต้ให้กลับมาคึกคัก ไม่สนคนตำหนิอยู่นานเกินไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะประชาชนที่วัดพระเจดีย์แหลมสอ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง ว่า วันนี้มาเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปที่ไหนก็นึกแต่ประชาชนของเรา เพราะเราคือคนไทยด้วยกันทั้งประเทศ จึงขอส่งความห่วงใยไปยังจังหวัดอื่น ๆ ด้วย
“วันนี้มารับฟังความเห็นและปัญหาเพื่อนำไปขับเคลื่อนไปด้วยกัน โดยที่ผ่านมาพยายามดำเนินการหลายอย่างมาก่อนมีโควิด ที่รัฐบาลทำหลายอย่างเพื่อวางพื้นฐานทุกจังหวัด แต่วันนี้ไม่สบายใจ เพราะเห็นครั้งที่แล้วที่เคยมากับวันนี้ เปลี่ยนไปเยอะ ความเงียบเหงาธุรกิจร้านค้าต่าง ๆ ทำให้นายกฯ เจ็บปวดหัวใจ และเป็นสิ่งที่เราต้องมาพัฒนาเพื่อทำให้การท่องเที่ยวภาคใต้กลับมาคึกคักอีกครั้ง วันนี้จึงมาประชุม ครม.ในพื้นที่ภาคใต้ และได้ให้ ครม.ไปเยี่ยมเยือนพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมกระจายตรวจติดตามปัญหาในนามพรรคร่วมรัฐบาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มีความห่วงใยทุกเรื่อง ทั้งเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ที่ระยะแรกจำเป็นต้องล็อกดาวน์อะไรบ้าง ซึ่งทำให้การแก้ปัญหาโควิดของเราเป็นอันดับแรก ๆ ของโลก ดังนั้นการที่รัฐบาลจำเป็นต้องมีประกาศออกมา ทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตน ไม่ได้อยากออกในหลาย ๆ เรื่อง และไม่ได้เพื่อเอาอำนาจมาให้ตน แต่เอาอำนาจให้เจ้าหน้าที่เพื่อบูรณาการให้ทุกส่วนทำงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่เราต้องภูมิใจความเป็นไทยของเราที่ทำให้ทุกอย่างแม้มีความขัดแย้งอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้การแก้ปัญหาของเราทำได้ดีที่สุดระดับโลก
“วันนี้หลายประเทศก็รอว่าเมื่อไหร่ เราจะเปิดประเทศ ถ้าเปิดอิสรเสรี คนมากันตรึม ซึ่งเรามีการตกลงจะผ่อนคลายได้อย่างไร พื้นที่ไหนมีความเสี่ยงต่ำ เรากำลังเริ่มผ่อนคลาย ยืนยันว่าวันนี้สถานการณ์ยังอยู่ในระดับควบคุมได้ มีการติดเชื้อที่ตรวจสอบได้ในพื้นที่กักกัน ทั้งหมดเป็นผลจากการทำงานของรัฐบาล ร่วมมือกันกับส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ขอให้ทุกคนภูมิใจ ปรบมือให้ตัวเอง ปรบให้นายกรัฐมนตรีด้วย ขอยืนยันว่าผมจะทำให้เต็มที่ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปให้ได้ โดยจะผ่อนคลายปลดล็อกระยะแรกก่อน วันนี้มีอาเซียนและจีนจะเข้ามาในระยะแรก ต่อไปก็จะมากขึ้นในอนาคต จึงต้องเตรียมการเป็นขั้นตอน หากปล่อยทีเดียวทั้งหมด มีโอกาสซูเปอร์สเปรดเดอร์ จึงต้องดูขีดความสามารถในการรับมือด้านสาธารณสุขของเรา วันนี้เรามีความพร้อมหมดแล้ว วางแผนทั้งหมด มีมาตรการรองรับถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ควรเกิดขึ้นในแบบที่ไม่จำเป็น โดยการไม่ระมัดระวัง ไม่ใส่หน้ากาก ไม่เข้าพื้นที่ชุมนุมขนาดใหญ่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็ประสบทุกปัญหา แต่เชื่อว่าทุกปัญหาแก้ได้ ดังนั้นอะไรที่ทำให้เดือดร้อน ก็ต้องขอโทษด้วย ซึ่งทุกอย่างไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อทุกคน เพื่อไม่ให้สถานการณ์กลับไปล็อกดาวน์อีก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น แต่ทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวังให้ดีที่สุด ซึ่งมาตรการคัดกรองมีหมดแล้ว ส่วนสถานการณ์อื่น ๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องบริหารภาพรวมของประเทศ
“โดยวันนี้ภาพใหญ่เริ่มดีขึ้น รัฐบาลพยายามดูให้ครบทุกกลุ่มที่เป็นห่วงโซ่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันทั้งหมด ที่สำคัญประเทศของเรามีศักยภาพ รอยยิ้ม อาหารที่อร่อย ธรรมชาติที่สวยงาม และความมีน้ำใจโอบอ้อมอารี นี่คือคนไทยและประเทศไทย เราต้องภูมิใจและอย่าทำลายด้วยอะไรที่ไม่จำเป็น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้ขอให้ลองทบทวนที่ผ่านมา 4-6 ปี มีอะไรที่ดีขึ้นบ้าง มองภาพรวมเหมือนต่างประเทศที่ให้มองไกลตัวด้วย แต่ส่วนใหญ่มักมองใกล้ตัว โดยต้องเตรียมการตั้งแต่วันนี้ เพื่อลูกหลานของเราวันหน้า ทั้งนี้ทุกคนมีความคิดที่แตกต่าง ดังนั้นการปรับเปลี่ยนต่าง ๆ ไม่ง่ายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ ถ้าเรารวมใจไทยสร้างชาติ ไม่ว่าใครทำอะไร ถ้าดีสนับสนุน โดยต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถูกต้องชอบธรรม ไม่ใช่เพื่อผู้ใดผู้หนึ่ง
“บางคนบอกนายกฯ มีปัญหานู้นนี่ ร่ำรวย ทุจริต เขาวัดกันด้วยอะไร เขาวัดกันด้วยการดำเนินคดี การตัดสินของศาล และผมก็ยังไม่เห็นผมทำอะไรผิดสักอย่าง บางคนบอกผมผิดเพราะผมอยู่นานเกินไป เบื่อขี้หน้า ผมไม่รู้เหมือนกันอยู่ในกติกาข้อไหนของการเมืองไทย แต่ผมก็ไม่ว่า หลายคนบอกผมผิดนู้นผิดนี่ ผมไม่ว่าอะไร ผมฟังเฉพาะศาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วันนี้อยู่ในโลกดิจิทัล ตนไม่ได้ห้ามอ่านถึงห้ามฟัง แต่ถ้าจะเชื่อทุกอย่าง เป็นเรื่องของแต่ละคน มันควรจะเชื่อทุกอย่างหรือไม่ที่เขียนลงไป บางทีไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เรื่องที่เป็นสาระกลับไม่สนใจ แต่วันนี้ห้ามไม่ได้ เป็นเรื่องของสังคมโลกยุคใหม่ ประเทศไทยมีแกนหลักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“เราเกิดบนแผ่นดินไทย อย่าให้ใครทำลาย รัฐบาล ข้าราชการทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน เราเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยสักอัน นั่ง ๆ กันอยู่ก็เลือกตั้งมาทั้งนั้น คนที่เลือกคือประชาชน ทุกอย่างเคยมีประวัติศาสตร์ ถ้าจะปรับแก้อะไร ก็ต้องดูประวัติศาสตร์ จะได้ไม่เกิดขึ้นอีกแค่นั้น หากวันหน้าทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะเป็นไปตามที่ต้องการ แต่จะต้องมีกติกา หลักเกณฑ์ สังคม สำคัญที่สุดครอบครัว ลูกเต้าต้องดูแล วันนี้เราอาจจะดูแลลูกเต้าน้อยลง พ่อต้องหาเงินให้สอดคล้องกับความต้องการ แต่ลูกเต้าก็ต้องสอนรู้จักพอเพียง ไม่เช่นนั้นพ่อแม่จะเป็นหนี้สิน ปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้องเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” ร่วมกับประชาชน จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกิจกรรมกวนขนมกาละแม ที่คนในพื้นที่จัดสาทิตต้อนรับ โดยประชาชนได้ขอให้นายกรัฐมนตรีอยู่รักษาบ้านเมืองไปนาน ๆ ดูแลประชาชนด้วย ขณะที่นายกรัฐมนตรีตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า Yes sir โดยประชาชนได้ตอบกลับว่าจะดูแลนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบกิ่งปะการังแก่นักดำน้ำ และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเอกลักษณ์ของเกาะสมุย ได้แก่ ปูม้าและเต่าทะเล ร่วมกับประชาชน.-สำนักข่าวไทย