สธ.แถลงพบคนขับรถเมียนมาติดโควิด 3 ราย เข้าไทย

สธ. 11 ต.ค.-อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงกรณีตรวจพบคนขับรถชาวเมียนมาติดโควิด-19 จำนวน 3 ราย เข้าไทยผ่านด่านแม่สอด คล้ายเคสทหารอิยิปต์ สอบสวนโรคไม่ยุ่งยาก เพราะส่วนใหญ่คนขับรถมีระยะเวลาอยู่ไทย 7 ชม. แล้วเดินทางกลับ เตรียมนำรถชีวนิรภัยพระราชทานตรวจหาโควิด-19 จำนวน 3 คัน ลงไปตรวจในพื้นที่แม่สอด เน้น 2 จุดใหญ่โกดังอาลี และโกดังสิงห์รุ่งเรือง

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 บริเวณชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ว่า จากการตรวจค้นหาผู้ป่วยตามมาตรการการเฝ้าระวังควบคุมโรคตามแนวชายแดน ซึ่งได้ตรวจหาในกลุ่มแรงงานเมียนมาขับรถที่ขนส่งสินค้าเข้าไทย ในช่วง 3 วัน ได้แก่ วันที่ 8 ตุลาคม มีการคัดกรองพนักงานขับรถบรรทุกสินค้า 55 คน ผลเป็นลบทั้งหมด จากนั้นในวันที่ 9 ตุลาคม มีการตรวจคัดกรองในกลุ่มพนักงานขับรถชาวเมียนมาที่บรรทุกสินค้ามาที่ไทย ในโกกัง อาลี และโกดังสิงห์รุ่งเรือง จำนวน 60 คน พบผลเป็นบวก ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 คน จากนั้นในวันที่ 10 ตุลาคมได้คัดกรองผู้สัมผัสใกล้ชิดแรงงานในชุมชนอีก 74 คน พบผลเป็นบวกอีก 1 คน


นพ.โอกาส กล่าวว่า สำหรับการตรวจพบแรงงานเมียนมาติดเชื้อนี้เป็นไปตามกระบวนการกลไกควบคุมโรคตามแนวชายแดน โดยผู้ติดเชื้อก็เป็นชาวเมียนมาทั้งหมด 3 คน ซึ่งถือว่ากลไกการตรวจสอบควบคุมโรคทำงานได้อย่างรวดเร็ว จากนี้จะนำรถชีวนิรภัยพระราชทานตรวจหาเชื้อโควิด -19 จำนวน 3 คัน ลงไปตรวจค้นหาผู้ป่วยหรือผู้สัมผัสใกล้ชิดตามแนวชายแดน โดย 2 คันจะเข้าประจำจุดโกดังอาลี และโกดังสิงห์รุ่งเรือง อีก 1 คัน มอบให้สำนักงานควบคุมโรค จังหวัดตาก บริหารจัดการว่าจะนำลงพื้นที่ใด พร้อมนำชุดน้ำยาตรวจอีก 1,000 ชุดลงไปในพื้นที่ ร่วมกับชุดตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันอีก 2,000 ชุด ลงไปตรวจคัดกรอง ซึ่งหากประชาชนคนใดรู้สึกไม่สบายสามารถมารับการตรวจได้ฟรี ทั้งนี้เชื่อว่าการพบผู้ป่วยข้ามพรมแดนมาไทย และพบการติดเชื้อไม่ต่างจากกรณีเคสทหารอิยิปต์ที่เข้ามาในไทย และพบว่าป่วย จึงเชื่อว่าการสอบสวนโรคไม่ยุ่งยากเหมือนเช่นกรณีสนามมวย แต่ขอให้ประชาชนอย่างเพิ่งตื่นตระหนก ขณะนี้กำลังเร่งสอบสวนควบคุมโรค ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกให้เร็วที่สุด

นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องปิดพรมแดน หรือล็อกดาวน์พื้นที่ เพราะก็ปิดชายแดนอยู่แล้ว เพียงแต่เปิดให้ขนส่งสินค้าเท่านั้น ซึ่งการปิดพื้นที่จะทำการปิดเฉพาะใน 2 โกดังที่เป็นปัญหา คาดว่าใช้เวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ การสอบสวนโรคจะคลี่คลาย ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่างเมื่อเข้าไปในชุมชน หรืออยู่ในพื้นที่แออัด ทั้งนี้จากการสอบสวนควบคุมโรคพบว่า พนักงานขับรถจะปฏิบัติงานเป็นเวลา และไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขนส่ง ย้ายสินค้าลงจากรถ ทำงานขับรถ 7 ชม. ส่วนการหารือกับพื้นที่แม่สอด และ จ.ตาก กระทรวงสาธารณสุข จะเน้นการสอบสวนโรคเป็นหลัก โดยให้อำนาจพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการ แถลงความคืบหน้าเป็นระยะ ส่วน พื้นที่ส่วนกลางสนับสนุนอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ตามที่ร้องขอ


นพ.โสภณ กล่าวว่า ไทม์ไลน์ของพนักงานขับรถชาวเมียนมา จะเห็นว่าในการตรวจค้นหาผู้ป่วย 3 คนนี้ พบว่า มีระยะเวลาการทำงานเป็นเวลา โดยแรงงานผู้ป่วยรายแรก มีประวัติขับรถเข้าไทย 2 รอบ ไปที่โกดังอาลี แยกขายปลาตลาดพาเจริญ และโกดังสิงห์รุ่งเรือง และมีรอบระยะเวลาการปฏิบัติงาน ขับรถรับส่งสินค้ารอบเช้า 10.00 น. รอบ 15.00 น. เท่านั้น ส่วนผู้ป่วยรายที่ 2 เดินทางเข้าไทยแค่ 1 รอบ ไปที่โกดังสิงห์รุ่งเรือง เข้าในเวลา 10.00 น. และออกจากด่าน 16.00 น. ส่วนรายที่ 3 เป็นพนักงานขับรถชาวเมียนมาเช่นกัน ทุกคนรักษาที่ตัวที่จังหวัดเมียวดี สำหรับในไทยก็อยู่ระหว่างการสอบสวนควบคุมโรค มีการคัดกรองแรงงานในชุมชน 74 คน ผลออกมาแล้วเป็นลบ 60 คน ส่วนที่เหลือ 13 คน ยังต้องรอผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการและทุกคนที่รับการตรวจต้องดำเนินการกักตนเองจนครบ 14 วัน

นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับประชาชนในพื้นที่ ไม่อยากให้มีความกังวล ทุกคนยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องมีการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และมีระยะห่างที่เหมาะสม ขณะนี้เข้าสู่ช่วงเทศกาลกฐินและลอยกระทง อาจมีการความแออัดก็ขอให้มีการระมัดระวังด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร

สั่งย้าย “อธิบดีกรมวิชาการเกษตร” ปมเอื้อแล็บตรวจ BY2 ทุเรียนส่งออก

ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ลงนามในคำสั่งย้าย “อธิบดีกรมวิชาการเกษตร” มาช่วยราชการที่กระทรวงเกษตรฯ หลังมีหนังสือร้องเรียนเอื้อเอกชนเรียกรับเงินตรวจสอบสาร BY2 ทุเรียนส่งออก

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร

“นฤมล” เผยได้รับหนังสือร้องเรียนอธิบดีกรมวิชาการเกษตรปมแล็บตรวจ BY2

รมว. เกษตรฯ เผยได้รับหนังสือร้องเรียนจากสมาคมผู้ค้าและผู้ส่งออกผลไม้ที่ขอให้ตรวจสอบอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์แล็บตรวจสาร Basic Yellow 2 (BY2)

ผลตรวจดีเอ็นเอ “ผกก.โจ้” ออกแล้ว ส่งให้ สน.ประชาชื่น

ออกแล้ว ผลตรวจผ้าขนหนู คดี “ผกก.โจ้” ไม่พบดีเอ็นเอของบุคคลอื่น เตรียมส่งผลให้พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ดำเนินการต่อ

กระบะตัดหน้ารถไฟ ชนสนั่น ตาย 4 เจ็บ 6

กระบะขนคนงานจับกุ้งกุลาดำ ขับตัดหน้ารถไฟ ก่อนพุ่งชนสนั่น ตายคาที่ 4 ศพ เจ็บระนาวอีก 6 ราย ขณะที่คนขับไร้อาการบาดเจ็บ อ้างไม่ได้ยินเสียงสัญญาณเตือน ตำรวจคุมตัวตรวจพบฉี่ม่วง เจ้าตัวยอมรับเสพยาบ้า ก่อนแจ้ง 2 ข้อหาหนัก

ข่าวแนะนำ

แฟนสาว “ผกก.โจ้” ยืนยันไม่ได้มีปากเสียงทะเลาะกัน

แฟนสาว “อดีต ผกก.โจ้” เปิดใจ ยืนยันไม่ได้มีปากเสียงทะเลาะกันในวันเกิดเหตุ แค่ตะโกนคุย เนื่องจากโทรศัพท์เรือนจำบันทึกเสียง พร้อมแฉเหตุมีเรื่องกับผู้คุม ถูกกลั่นแกล้งตลอดตอนอยู่แดน 5 จนต้องยอมเซ็นยุติข้อร้องเรียน ย้ำ “ผกก.โจ้” ไม่ได้ขอย้ายแดน

ฟ้องไล่เบี้ย

สภากรรมการ อนุมัติการฟ้อง ไล่เบี้ย “อดีตนายกสมาคมฯ”

14 มี.ค. – มติสภากรรมการ อนุมัติการฟ้อง ไล่เบี้ยอดีตนายกสมาคมฯ พร้อมผุดแคมเปญ “คนไทย รัก บอลไทย” เพื่อช่วยชำระหนี้สมาคมฯ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เรียกประชุมสภากรรมการ ครั้งที่ 4/2568 แบบเร่งด่วน ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร FA Thailand หัวหมาก หลังมีวาระสำคัญที่ต้องนำเข้าสู่สภากรรมการเพื่อพิจารณา โดยเฉพาะในเรื่องของการขออนุมัติการฟ้องไล่เบี้ย อดีตนายกสมาคมฯ และ ผู้บริหารชุดเดิม จากคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ฟ้อง สมาคมฯ ซึ่งศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษา ออกมาเรียบร้อย เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ให้ สมาคมฯ จ่ายค่าเสียหายให้แก่ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) จำนวน […]

คนร้ายควงปืนบุกเดี่ยวชิงทอง 13 บาท ย่านลำลูกกา

อุกอาจ! คนร้ายควงปืนบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทอง ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี กวาดทองคำ 13 บาท หลบหนี ตำรวจเร่งตรวจสอบวงจรปิดไล่ล่า

ฐานปูลูตู่แตก! ทหารเมียนมาหนีข้ามแดน-จนท.ไทยตรึงเข้ม

กองกำลังกะเหรี่ยง KNLA บุกยึดฐานปูลูตู่ของทหารเมียนมาได้แล้ว หลังยิงปะทะเดือดกลางดึก ทำให้ทหารเมียนมาหนีตายข้ามมายังฝั่งไทย ทหารไทยเข้าควบคุมตัวและช่วยเหลือเบื้องต้นตามหลักมนุษยธรรม