เมืองทองธานี 21 ก.ย. – นายกฯ เปิดประชุมสภาพัฒน์ ย้ำพัฒนาหลังสถานการณ์โควิด-19 “ล้มแล้วต้องลุกให้เร็ว”
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมและแสดงปาฐกถาพิเศษในการประชุมประจำปี 2563 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวทางการพัฒนาระยะต่อไปหลังประเทศไทยและประเทศทั่วโลกเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 โดยในส่วนของประเทศไทยย้ำว่าเมื่อเผชิญสถานการณ์ที่ทำให้ภาคเศรษฐกิจและสังคมต้องล้มแล้ว ทุกฝ่ายต้องช่วยกันให้ประเทศลุกขึ้นมา เพื่อกลับมาฟื้นตัวและพัฒนาได้เร็ว โดยมีหัวใจสำคัญ 3 ด้านที่ต้องดำเนินการหลังจากนี้ คือ 1. การพัฒนาความสามารถในการปรับตัวพร้อมรับสถานการณ์ 2 .การปรับตัวพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงและวิกฤติต่างๆ และ 3. การเร่งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เพื่อพร้อมรับการเติบโตหลังสถานการณ์โควิด
ทั้งนี้ การพัฒนาประเทศตามแนวทางของสภาพัฒน์ที่ขณะนี้ดำเนินการมาครึ่งทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 หรือช่วงครึ่งของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติระยะที่ 1 ระหว่างปี 2561-2565 หลังจากนี้สภาพัฒน์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปดูว่าการพัฒนาระยะเวลาที่เหลือของแผนพัฒนาฉบับที่ 12 คือ ในปีงบประมาณ 2564 และ 2565 จะต้องปรับแผนยังไงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ภายใต้แนวคิดที่ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก, การพัฒนาช่วยเหลือกลุ่มที่มีความเปราะบางทางสังคม ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีปรับตัว การดูแลให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีในแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ที่จะทำให้สินค้าเข้าสู่ตลาดได้
ขณะที่การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจนั้น จะต้องกลับมาเร่งพัฒนาภาคธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถเติบโตได้หลังวิกฤติโควิด สอดคล้องกับศักยภาพของประเทศ ซึ่งใครมีความพร้อมในธุรกิจหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์ที่ไทยได้พิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพระดับชั้นนำของโลก, การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่ปลอดภัย, การพัฒนาการเกษตรมูลค่าสูง โดยใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากขึ้น, อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่สอดคล้องกับการใช้พลังงาน
และสุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุด คือ การยกระดับขีดความสามารถของคนผ่านการศึกษาการสร้างความรักความสามัคคี ภายใต้อัตลักษณ์ที่สำคัญของชาติ ซึ่งทั้งหมดจะต้องทำไปควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของคน.-สำนักข่าวไทย