ตำรวจเร่งกวาดล้างแก๊งไทใหญ่ 999

กทม. 6 พ.ค. – กรณีแก๊งไทใหญ่ 999 ไล่ฟันหนุ่มกะเหรี่ยง ย่านห้วยขวาง ตำรวจยอมรับมีกลุ่มต่างด้าวกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ เร่งพิสูจน์รวมแก๊งลักษณะอั้งยี่-ซ่องโจร หรือไม่ พร้อมลั่นดำเนินคดีไม่ละเว้น


ความคืบหน้าเหตุการณ์ ชายชาวเมียนมา 2 คน ถูกกลุ่มไทใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า แก๊งไทใหญ่ 999 บุกใช้มีดไล่ฟันกลางซอยประชาสงเคราะห์ 45 ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดในร้าน จะเห็นว่า แม้ผู้บาดเจ็บจะวิ่งหนีเข้าไปในร้าน และยกมือไหว้ขอชีวิต แต่คนร้ายยังตามเข้าไปกระหน่ำฟันไม่ยั้งจนเลือดอาบ

ล่าสุดวันนี้ นายตอง ผู้เสียหายชาวเมียนมา พร้อมนางสาวบี พี่สาว เดินทางไปที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อให้ปากคำ พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันเกิดเหตุขณะตนกับเพื่อน กำลังเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อย่านห้วยขวาง ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาจอดรถขวางหน้า ไม่พูดจาอะไร ใช้อาวุธมีดพยายามไล่ฟันตนกับเพื่อนในทันที ทำให้ตนกับเพื่อนต้องวิ่งแยกย้ายหนีกันไป โดยตนวิ่งมาทางตลาดสดห้วยขวาง ส่วนเพื่อนของตนวิ่งหนีไปยัง ซอยประชาสงเคราะห์ 45 ผู้ก่อเหตุวิ่งตามมา โดยตนถูกฟันเข้าที่ไหล่จนเย็บ 18 เข็ม


นายตอง ยืนยันไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน ไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักแก๊งต่างๆ ที่เป็นคู่อริกัน แต่อาจเป็นเพราะวันนั้นตนสวมเสื้อที่มีลายธงชาติของกะเหรี่ยง ซึ่งสอดคล้องกับการที่ ผู้ก่อเหตุไลฟ์สดใน tiktok ว่า “จะกวาดล้างชาวกะเหรี่ยงให้หมด เพราะรู้สึกโกรธแค้นที่ตนเคยถูกชาวกะเหรี่ยงทำร้ายมาก่อน”

ด้านนางสาวบี พี่สาวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า กังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะตอนนี้ยังจับผู้ก่อเหตุไม่ได้ และรู้สึกแย่ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ กระทำการในลักษณะนี้ เพราะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าของประเทศ และทำให้ภาพลักษณ์ของชาวเมียนมาดูแย่ลงไปอีกด้วย ทั้งที่ตนและน้องชายก็เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงอยากให้ตำรวจรีบจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ก่อเหตุไปทำแบบนี้กับใครอีก

ด้านพันตำรวจเอกประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้คาบเกี่ยวพื้นที่ สน.ห้วยขวาง และ สน.สุทธิสาร แต่เนื่องจาก ผู้เสียหายไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ก่อน จึงให้พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีทั้งหมด ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ส่งมอบคำให้การของผู้เสียหายรายแรก คือนายตองที่ถูกฟันในฝั่ง สน.ห้วยขวาง ให้กับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ทั้งสองสถานีตำรวจก็จะประสานความร่วมมือแก่กันและกันในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี


ส่วนประเด็นที่อ้างว่าชาวเมียนมาตั้งกลุ่มแก๊งต่าง ๆ แล้วรวมตัวตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ห้วยขวางนั้น เนื่องจากพื้นที่ห้วยขวางมีลานสาธารณะที่สำคัญจำนวนหลายแห่ง ทั้งสนามกีฬาห้วยขวาง ตลาดห้วยขวาง และหอนาฬิกาห้วยขวาง ซึ่งประชาชนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างด้าวมักจะมารวมตัวนัดพบกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงเย็น

พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจจะมีทะเลาะกระทบกระทั่งกัน โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างด้าวด้วยกัน ซึ่งตอบไม่ได้ว่าเป็นลักษณะการทะเลาะวิวาทแบบกลุ่มแก๊งกันหรือไม่ ส่วนประเด็นกลุ่มแก๊งไทยใหญ่ 999 และแก๊ง RCD นั้น ตำรวจก็เพิ่งทราบตามที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบ หากพบเป็นการลักษณะรวมแก๊งในเชิงอั้งยี่ซ่องโจร ก่อเหตุอาชญากรรม หรือเข้าเมืองผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่ละเว้น

หลังจากนี้จะเพิ่มมาตรการกวดขัน พร้อมประสานสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมคนในสัญชาติของตนเอง รวมทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อช่วยกันตรวจสอบชาวต่างด้าวที่มีลักษณะรวมกลุ่มผิดกฎหมายเช่นนี้ หากพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ใช้โซเชียลในเชิงข่มขู่หรือผิดกฎหมาย จะประสานให้ทางตำรวจไซเบอร์ดำเนินคดี

ทีมข่าวสำนักข่าวไทยได้ลงพื้นที่บริเวณซอยประชาสงเคราะห์ 45 ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่ผู้เสียหายได้วิ่งหลบหนีมาขอความช่วยเหลือ ได้พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ บอกว่า ในวันเกิดเหตุตัวเองปิดร้านตอน 22.00 น. เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. เขาไล่ทะเลาะกันมาจากตลาดห้วยขวาง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนหนีมาขอความช่วยเหลือบริเวณนี้ ปกติแถวนี้ไม่ค่อยเกิดเหตุทะเลาะกัน ส่วนใหญ่เหตุจะเกิดย่านตลาดห้วยขวาง หอนาฬิกา สนามกีฬา บางคนไม่อยากให้ข้อมูลเพราะกลัว ขนาดคนชาติเดียวกันยังตามไล่ล่า ถ้าหากว่ารู้ให้ข้อมูลก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะเราอยู่ในพื้นที่ ส่วนแรงงานที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายไม่พบว่าจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ข้อมูลจากชาวบ้านที่อยู่ในละแวกหอนาฬิกาสวนสมเด็จย่า 90 หรือหอนาฬิกาห้วยขวาง ให้ข้อมูลว่า กลุ่มแก๊งเหล่านี้มักจะชอบมารวมตัวกันที่สวนหอนาฬิกาในช่วงเย็นเป็นประจำทุกวัน ส่วนใหญ่จะมาตั้งวง เพื่อสูบกัญชาและดื่มน้ำกระท่อม รวมถึงนำอาวุธมาเก็บสะสมซ่อนเอาไว้ตามพุ่มหญ้าของสวน แต่หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวก็ไม่พบเห็นกลุ่มแก๊งมารวมตัวแต่อย่างใด รวมถึงจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยตรวจตรากวดขันไม่ให้มีการรวมกลุ่มกัน

ด้านเจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานด้านชุมชนสัมพันธ์ในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ไม่พบว่ามีการรวมตัวตั้งเป็นกลุ่มแก๊งขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการรวมกลุ่มของไทใหญ่ แต่พบว่าจะมีการรวมกลุ่มกันของวัยรุ่นทั้งคนไทยและต่างชาติที่อาจมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้าง เช่นล่าสุด ตำรวจในพื้นที่สน.ดินแดง จับกุมหัวโจกแก๊งต่างด้าวกร่างใช้อาวุธไล่ฟันทำร้ายเพื่อนร่วมชาติเจ็บสาหัสโดยหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นคนไทยที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

RBC ไทย-กัมพูชา (ทภ.1) เห็นพ้อง 13 ข้อหยุดยิง ตอบรับเพิ่ม 3 ประเด็น

สระแก้ว 22 ส.ค.- ประชุม RBC ไทย-กัมพูชา ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 เห็นพ้อง 13 ข้อตกลงหยุดยิง GBC ฝ่ายกัมพูชา ตอบรับ 3 ข้อเสนอ เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบสแกมเมอร์ ตั้งชุดประสานงานร่วม แต่ไม่ตอบรับแก้ปัญหา MOU 43 ชี้ไม่อยู่ในอำนาจ RBC โยนถกวง JBC แทน พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 นำแถลงสรุปผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงด้วยดี ตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิง จากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็น จากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น คือ […]

ศาลยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 – พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

กทม. 22 ส.ค.-ศาลชั้นต้นยกฟ้อง “ทักษิณ” คดี ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจ้าตัวยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ เห็นว่าคลิปเสียงที่โจทก์นำมาเป็นหลักฐานไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นคลิปที่มีการตัดต่อหรือไม่ และศาลเชื่อว่าบทสัมภาษณ์น่าจะมากกว่าความยาวของคลิปดังกล่าว จึงพิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทักษิณ ยิ้มและกล่าวคำพูดแรกขอบคุณทีมทนายความ หลังจากนี้จะได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่.-สำนักข่าวไทย

เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1

สระแก้ว 22 ส.ค.-เริ่มแล้ว ประชุม RBC ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 รอผล “กัมพูชา” ตอบรับ 3 ข้อ เวลา 10.00 น. ที่สโมสรสรนายทหาร มณฑลทหารบกที่ 19 เริ่มแล้วสำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ฝ่ายไทยนำโดย พลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พลเอกแอก ซอมโอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 โดยจะใช้เวลาการประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงต้นได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ ก่อนเชิญออกเพื่อเข้าสู่วาระการประชุม ทั้งนี้ รายงานข่าวยืนยันว่า ในวงประชุมวันนี้ จะเป็นการหารือ 13 + 3 ข้อตกลง คือ 13 ข้อจากเดิม GBC เพื่อนำสู่การปฏิบัติ และข้อเสนอใหม่ ของฝ่ายไทย 3 […]

“ทักษิณ” ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112

กทม. 22 ส.ค.-“ทักษิณ” มาก่อนเวลา สวมสูท-ผูกเนกไทเหลือง มาฟังคำตัดสินคดี ม.112 ก่อนสวมกอด “พินทองทา” และโบกมือทักทายสื่อฯ-มวลชนเสื้อแดง ก่อนขึ้นห้องพิจารณาที่ 902 ด้านตำรวจ สน.พหลฯ จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยตามความเหมาะสม ต่อมาเวลา 09.20 น. นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนกลางนายทักษิณชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญารัชดา โดยจอดรถบริเวณด้านข้างอาคารศาลอาญา จากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกันนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยมาด้วยชุดสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีเหลือง ก่อนจะสวมกอดกับลูกสาว และเดินเข้าไปบริเวณด้านในอาคารศาลอาญารัชดาทันทีเพื่อเข้าสู่ห้องพิจารณาคดีที่ 902 ในเวลา 10.00 น. ตามที่ศาลนัดพิพากษาตัดสินคดีวันนี้ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย พันตำรวจเอกมารุต สุดหนองบัว ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้ข้อมูลว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาได้ประสานขอกำลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ให้เข้ามาช่วย ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งตำรวจสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้เข้ามาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่โดยมีการวางกำลังเสริมกับตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลตามความเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มแกนนำมวลชนเสื้อแดงได้มีการประสานกับฝ่ายสืบสวนว่าจะเข้ามาจัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้กำลังใจ และจับภาพรวมการข่าวก็ยังไม่พบอะไรที่น่าเป็นกังวล ขณะเดียวกันพบมีมวลชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาปักหลักที่บริเวณลานจอดรถของศาลอาญาพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดง และสกรีนข้อความให้กำลังใจพร้อมรูปของนายทักษิณ เป็นการให้กำลังใจเดินทางมาให้กำลังใจนายทักษิณเดินทางมาจากในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ซึ่งตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลอาญาได้มีการกันพื้นที่ เพื่อให้กลุ่มมวลชนอยู่ พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาที่ศาลอาญา.-420.-สำนักข่าวไทย