ตำรวจเร่งกวาดล้างแก๊งไทใหญ่ 999

กทม. 6 พ.ค. – กรณีแก๊งไทใหญ่ 999 ไล่ฟันหนุ่มกะเหรี่ยง ย่านห้วยขวาง ตำรวจยอมรับมีกลุ่มต่างด้าวกระทบกระทั่งกันในพื้นที่ เร่งพิสูจน์รวมแก๊งลักษณะอั้งยี่-ซ่องโจร หรือไม่ พร้อมลั่นดำเนินคดีไม่ละเว้น


ความคืบหน้าเหตุการณ์ ชายชาวเมียนมา 2 คน ถูกกลุ่มไทใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า แก๊งไทใหญ่ 999 บุกใช้มีดไล่ฟันกลางซอยประชาสงเคราะห์ 45 ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดในร้าน จะเห็นว่า แม้ผู้บาดเจ็บจะวิ่งหนีเข้าไปในร้าน และยกมือไหว้ขอชีวิต แต่คนร้ายยังตามเข้าไปกระหน่ำฟันไม่ยั้งจนเลือดอาบ

ล่าสุดวันนี้ นายตอง ผู้เสียหายชาวเมียนมา พร้อมนางสาวบี พี่สาว เดินทางไปที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อให้ปากคำ พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันเกิดเหตุขณะตนกับเพื่อน กำลังเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อย่านห้วยขวาง ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาจอดรถขวางหน้า ไม่พูดจาอะไร ใช้อาวุธมีดพยายามไล่ฟันตนกับเพื่อนในทันที ทำให้ตนกับเพื่อนต้องวิ่งแยกย้ายหนีกันไป โดยตนวิ่งมาทางตลาดสดห้วยขวาง ส่วนเพื่อนของตนวิ่งหนีไปยัง ซอยประชาสงเคราะห์ 45 ผู้ก่อเหตุวิ่งตามมา โดยตนถูกฟันเข้าที่ไหล่จนเย็บ 18 เข็ม


นายตอง ยืนยันไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน ไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักแก๊งต่างๆ ที่เป็นคู่อริกัน แต่อาจเป็นเพราะวันนั้นตนสวมเสื้อที่มีลายธงชาติของกะเหรี่ยง ซึ่งสอดคล้องกับการที่ ผู้ก่อเหตุไลฟ์สดใน tiktok ว่า “จะกวาดล้างชาวกะเหรี่ยงให้หมด เพราะรู้สึกโกรธแค้นที่ตนเคยถูกชาวกะเหรี่ยงทำร้ายมาก่อน”

ด้านนางสาวบี พี่สาวผู้เสียหาย เปิดเผยว่า กังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะตอนนี้ยังจับผู้ก่อเหตุไม่ได้ และรู้สึกแย่ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ กระทำการในลักษณะนี้ เพราะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าของประเทศ และทำให้ภาพลักษณ์ของชาวเมียนมาดูแย่ลงไปอีกด้วย ทั้งที่ตนและน้องชายก็เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงอยากให้ตำรวจรีบจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ก่อเหตุไปทำแบบนี้กับใครอีก

ด้านพันตำรวจเอกประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้คาบเกี่ยวพื้นที่ สน.ห้วยขวาง และ สน.สุทธิสาร แต่เนื่องจาก ผู้เสียหายไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ก่อน จึงให้พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีทั้งหมด ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ส่งมอบคำให้การของผู้เสียหายรายแรก คือนายตองที่ถูกฟันในฝั่ง สน.ห้วยขวาง ให้กับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ทั้งสองสถานีตำรวจก็จะประสานความร่วมมือแก่กันและกันในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี


ส่วนประเด็นที่อ้างว่าชาวเมียนมาตั้งกลุ่มแก๊งต่าง ๆ แล้วรวมตัวตามสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ห้วยขวางนั้น เนื่องจากพื้นที่ห้วยขวางมีลานสาธารณะที่สำคัญจำนวนหลายแห่ง ทั้งสนามกีฬาห้วยขวาง ตลาดห้วยขวาง และหอนาฬิกาห้วยขวาง ซึ่งประชาชนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างด้าวมักจะมารวมตัวนัดพบกันเป็นปกติ โดยเฉพาะในช่วงเย็น

พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจจะมีทะเลาะกระทบกระทั่งกัน โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างด้าวด้วยกัน ซึ่งตอบไม่ได้ว่าเป็นลักษณะการทะเลาะวิวาทแบบกลุ่มแก๊งกันหรือไม่ ส่วนประเด็นกลุ่มแก๊งไทยใหญ่ 999 และแก๊ง RCD นั้น ตำรวจก็เพิ่งทราบตามที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบ หากพบเป็นการลักษณะรวมแก๊งในเชิงอั้งยี่ซ่องโจร ก่อเหตุอาชญากรรม หรือเข้าเมืองผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่ละเว้น

หลังจากนี้จะเพิ่มมาตรการกวดขัน พร้อมประสานสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมคนในสัญชาติของตนเอง รวมทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อช่วยกันตรวจสอบชาวต่างด้าวที่มีลักษณะรวมกลุ่มผิดกฎหมายเช่นนี้ หากพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ใช้โซเชียลในเชิงข่มขู่หรือผิดกฎหมาย จะประสานให้ทางตำรวจไซเบอร์ดำเนินคดี

ทีมข่าวสำนักข่าวไทยได้ลงพื้นที่บริเวณซอยประชาสงเคราะห์ 45 ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่ผู้เสียหายได้วิ่งหลบหนีมาขอความช่วยเหลือ ได้พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ บอกว่า ในวันเกิดเหตุตัวเองปิดร้านตอน 22.00 น. เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. เขาไล่ทะเลาะกันมาจากตลาดห้วยขวาง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนหนีมาขอความช่วยเหลือบริเวณนี้ ปกติแถวนี้ไม่ค่อยเกิดเหตุทะเลาะกัน ส่วนใหญ่เหตุจะเกิดย่านตลาดห้วยขวาง หอนาฬิกา สนามกีฬา บางคนไม่อยากให้ข้อมูลเพราะกลัว ขนาดคนชาติเดียวกันยังตามไล่ล่า ถ้าหากว่ารู้ให้ข้อมูลก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะเราอยู่ในพื้นที่ ส่วนแรงงานที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายไม่พบว่าจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ข้อมูลจากชาวบ้านที่อยู่ในละแวกหอนาฬิกาสวนสมเด็จย่า 90 หรือหอนาฬิกาห้วยขวาง ให้ข้อมูลว่า กลุ่มแก๊งเหล่านี้มักจะชอบมารวมตัวกันที่สวนหอนาฬิกาในช่วงเย็นเป็นประจำทุกวัน ส่วนใหญ่จะมาตั้งวง เพื่อสูบกัญชาและดื่มน้ำกระท่อม รวมถึงนำอาวุธมาเก็บสะสมซ่อนเอาไว้ตามพุ่มหญ้าของสวน แต่หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวก็ไม่พบเห็นกลุ่มแก๊งมารวมตัวแต่อย่างใด รวมถึงจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยตรวจตรากวดขันไม่ให้มีการรวมกลุ่มกัน

ด้านเจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานด้านชุมชนสัมพันธ์ในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ไม่พบว่ามีการรวมตัวตั้งเป็นกลุ่มแก๊งขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการรวมกลุ่มของไทใหญ่ แต่พบว่าจะมีการรวมกลุ่มกันของวัยรุ่นทั้งคนไทยและต่างชาติที่อาจมีปัญหากระทบกระทั่งกันบ้าง เช่นล่าสุด ตำรวจในพื้นที่สน.ดินแดง จับกุมหัวโจกแก๊งต่างด้าวกร่างใช้อาวุธไล่ฟันทำร้ายเพื่อนร่วมชาติเจ็บสาหัสโดยหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นคนไทยที่ยังเป็นเยาวชนอยู่ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

“เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค.

ทำเนียบ 30 มิ.ย.- เชิญชวนคนไทยใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่มเปิดจอง 1 ก.ค. เที่ยวจริง 4 ก.ค. รัฐสนับสนุนสูงสุด 3,000/คืน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ล่าสุด มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวยื่นคำขอลงทะเบียนผ่านระบบ https://partner.tat.or.th แล้วกว่า 34,005 ราย และมีผู้ผ่านการตรวจสอบและลงทะเบียนสำเร็จแล้วถึง 6,400 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวด เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดและป้องกันการสวมสิทธิ์ ขั้นตอนสำคัญของการลงทะเบียน ผู้ประกอบการต้องกรอกหนังสือยินยอมให้ธนาคารกรุงไทยตรวจสอบข้อมูล เพื่อป้องกันการหลอกลวงและการแฝงตัวของสถานประกอบการที่ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยธนาคารจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 3 วัน ก่อนส่งข้อมูลให้ ททท. นำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากนั้นประชาชนจะสามารถจองสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และเริ่มเดินทางท่องเที่ยวจริงได้ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ สำหรับสิทธิประโยชน์ของโครงการ รัฐบาลจัดสรรสิทธิ์รวม 500,000 […]

นายกฯ เผยผู้นำฝรั่งเศสพร้อมหนุนไทยหาทางออกปมชายแดน

30 มิ.ย.- นายกฯ เผยผลสายตรง “มาครง” แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น สานต่อความร่วมมือทุกมิติ ยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ย้ำยึดกลไกทวิภาคีหาทางออกปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งผู้นำฝรั่งเศสเข้าใจในท่าทีและพร้อมให้การสนับสนุน ยืนยันไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมเชิญประธานาธิบดีฝรั่งเศส เยือนไทยอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความเผยผลการหารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศสระบุ “ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือทางโทรศัพท์กับท่านเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงการสานต่อและกระชับความร่วมมือทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีอวกาศ กลาโหม และพลังงานสะอาด เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ของไทย-ฝรั่งเศสไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ที่ต่างยึดมั่นในคุณค่าร่วมกันในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างประเทศและระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนกติการะหว่างประเทศ ดิฉันได้เน้นย้ำบทบาทเชิงรุกของไทยในการส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยที่จะหารือกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อหาทางออกของปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งประธานาธิบดีมาครงแสดงความเข้าใจในท่าทีดังกล่าวของไทยและพร้อมให้การสนับสนุน ดิฉันยังได้ขอบคุณฝรั่งเศสที่สนับสนุนไทยในการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป และการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD ของไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ระยะยาวแก่ทั้งสองฝ่าย และดิฉันได้ใช้โอกาสนี้เชิญประธานาธิบดีมาครงเยือนไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาที่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม โดยประธานาธิบดีมาครงก็ได้เชิญดิฉันเยือนฝรั่งเศสเช่นกันค่ะ ” .-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 […]

ตชด.ลาดตระเวนเข้ม 24 ชม. แนวชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 29 มิ.ย. – ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ลาดตระเวน ตั้งบังเกอร์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.โคกสูง เฝ้าระวังพื้นที่ตลอด 24 ชม. หลังมีรายงานกลุ่มชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืช-สร้างสิ่งปลูกสร้าง ละเมิดข้อตกลง MOU 43 วันนี้ ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 (ตชด.12) จัดกำลังลาดตระเวนแนวชายแดนในพื้นที่เปราะบาง 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโคกสูง และอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังจากมีกรณีข้อพิพาท ระหว่างไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจุดที่ยังเป็นพื้นที่ข้อพิพาทจากแนวเขตตาม MOU ปี 2543 ซึ่งห้ามทั้งสองประเทศสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรใดๆ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตชด.12 ในการตรวจจุดแนวชายแดน โดยเริ่มจากแนวตะเข็บรอยต่อบริเวณอำเภอโคกสูง ซึ่งติดกับ จ.บันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่เรียกว่าดินต่อดิน ซึ่งเป็นแนวกั้นธรรมชาติอย่างชัดเจน ซึ่งจะแตกต่างจากแนวชายแดน อำเภออรัญประเทศ ที่มีคลองธรรมชาติ ซึ่งแนวคลองลึกและจะมีแนวลวดหนามกั้นชัดเจนตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ เผยว่า บริเวณ อ.โคกสูง มีรายงานว่ากลุ่มชาวกัมพูชา ลักลอบเข้ามาใช้พื้นที่ปลูกพืชหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ ซึ่งละเมิดข้อตกลง […]