รวบหนุ่มจีนใช้แอปฯ หาคู่ ตระเวนหลอกฉกทรัพย์เหยื่อ

20 มี.ค. – เตือนภัยแอปฯ หาคู่ หลังตำรวจเชียงใหม่ ตามรวบหนุ่มจีนวัย 31 ปี คาสนามบิน ก่อเหตุลวงเหยื่อผ่านแอปฯ หาคู่ เข้าโรงแรมฉกทรัพย์ ก่อนหลบหนี สอบสวนพบตระเวนก่อเหตุมาแล้วหลายประเทศแถบเอเชีย


หลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมกับตำรวจ ตม.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จับหนุ่มชาวจีน วัย 31 ปี คาสนามบิน ขณะกำลังขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งหนุ่มจีนรายนี้ก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยว 2 ราย รายแรกเป็นชาวจีน วัย 49 ปี สูญเงินสด 29,000 บาท บัตรเครดิต 2 ใบ หนังสือเดินทาง โทรศัพท์มือถือ ส่วนเหยื่อรายที่ 2 เป็นหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือ สูญเงินสด 2,000 บาท บัตรเครดิต 1 ใบ โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง หลังก่อเหตุรีบวิ่งหนีออกจากโรงแรมย่านคูเมือง

พบข้อมูลน่าตกใจ ตระเวนก่อเหตุมาหลายประเทศแล้ว
ตำรวจเปิดเผยว่า หลังจับกุมนาย Zhou Kaiyuan สารภาพว่าก่อเหตุที่ จ.เชียงใหม่ รวม 2 ครั้ง และกำลังจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อก่อเหตุอีก โดยพฤติกรรมจะใช้แอปฯ หาคู่ชักชวนผู้ชายที่มีรสนิยมไม้ป่าเดียวกัน ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นชักชวนเข้าห้องพักโรงแรมของเหยื่อ และอาศัยเหยื่อเผลอเข้าห้องน้ำ ขโมยทรัพย์สิน


ทั้งนี้ ในประเทศจีนไม่ยอมรับบุคคลเพศที่สาม ทำให้แสดงออกไม่ค่อยได้ จึงเดินทางไปประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งไต้หวัน ฮ่องกง ก่อเหตุสลับไปมา และหลบหนีมาก่อเหตุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 16 และ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ลักทรัพย์ชาวจีนด้วยกัน และนักท่องเที่ยวชาวไอร์แลนด์เหนือที่มีรสนิยมเหมือนกัน โดยใช้แอปฯ หาคู่ ชักชวนกันไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้เหยื่อตายใจตามกลับมาที่ห้องพัก ก่อนอาศัยจังหวะเหยื่อเผลอเข้าห้องน้ำลักทรัพย์ และหลบหนีออกจากโรงแรม

เหตุดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด และผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติเข้าแจ้งความ ตำรวจจึงออกแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้ก่อเหตุกำลังหลบหนีขึ้นเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ เบื้องต้นแจ้งดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจะควบคุมตัวส่งศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.)

ตร.ไซเบอร์ เตือนภัยใช้แอปฯ หาคู่ มักมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่
ด้านผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพรายบุคคล มักแฝงตัวเข้าปักหมุดในแอปฯ หาคู่ ที่เป็นที่นิยม โดยใช้โปรไฟล์และข้อมูลปลอม หากเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ เมื่อเลือกเหยื่อได้แล้วมิจฉาชีพจะชักชวนเหยื่อออกมาสนทนากันส่วนตัวผ่านไลน์ เมื่อเหยื่อหลงรักหรือคุ้นเคยกับมิจฉาชีพมากขึ้น การหลอกจะเพิ่มความเข้มขึ้น และมักจะมาโดยการหาวิธีหลอกให้เหยื่อลงทุนในรูปแบบต่างๆ โดยจะดึงเหยื่อเข้ากลุ่มไลน์ที่ 2 ซึ่งมีสมาชิกหลายคน อ้างว่าเป็นผู้ชำนาญการด้านการลงทุน หรือสมาชิกนักลงทุนด้วยกัน ทำให้เหยื่อยิ่งเชื่อสนิทใจ หลงลงทุนจากปริมาณน้อยๆ กว่าจะรู้ว่าถูกหลอก ก็อาจต้องสูญเงินจนหมดตัว


ส่วนการหลอกของมิจฉาชีพที่เป็นรายบุคคลอาจมีการนัดพบกันนอกรอบตามสถานที่หรือโรงแรม เพื่อประสงค์ต่อร่างกายหรือประสงค์ต่อทรัพย์และเพศ ทั้งนี้ การหลอกผ่านแอปฯ หาคู่ เป็นการอัปเกรดขึ้นมา จากเดิมเป็นการหลอกในรูปแบบ Romance Scam เตือนประชาชนหากคิดใช้แอปฯ หาคู่ เพื่อพบหาคนรักหรือตามหาคนจริงใจ ให้ตระหนักเสมอว่าในแอปฯ หาคู่ มีมิจฉาชีพเข้าไปแฝงตัวอยู่ อย่าคิดว่าแอปฯ จะกลั่นกรองเอาเฉพาะคนดีๆ เข้ามาใช้แอปฯ

ทั้งนี้ คดีที่เกี่ยวข้องกับแอปฯ หาคู่ ในส่วนของตำรวจไซเบอร์ ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 65-19 มี.ค. 68 มีการรับแจ้งควา รวม 1,415 คดี ความเสียหายรวมกว่า 350 ล้านบาท

นอกจากนี้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (บก.ปอท.) ยังแนะวิธีสังเกต พฤติกรรมที่มักเป็นมิจฉาชีพบนแอปฯ หาคู่ คือมีโปรไฟล์ที่โดดเด่นและดีจนเกินเหตุ น่าดึงดูดใจในทุกๆ ด้าน เป็นหนึ่งในเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่หลอกล่อให้ผู้คนตกหลุมรักทันที เนื่องจากบุคคลจำนวนมากมักหลงใหลในคุณสมบัติ หน้าตาดี มีเสน่ห์ มาจากครอบครัวดี การศึกษาสูง พูดจาสุภาพ และปฏิบัติต่อผู้อื่นเสมือนเป็นบุคคลสำคัญจนคนคนนั้นหลงใหลในทันที

หลอกให้เสียเงินด้วยข้ออ้างสารพัด เช่น แสร้งทำเป็นมีสิทธิได้รับมรดก อ้างว่าส่งสินค้ามูลค่าสูงจากต่างประเทศมาให้ แต่กลับขอค่าขนส่งหรือภาษี แสร้งทำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนและสิ้นหวัง เพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และการชักชวนให้ส่งเงินมาช่วยเหลือ

วิธีเช็กคนที่เข้ามาสนใจ แบบไหนส่อแววเป็นมิจฉาชีพ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล โดยค้นหา Google หรือแพลตฟอร์มโซเชียล ดูชื่อ รูปลักษณ์ ตรงกับโปรไฟล์ในแอปฯ หาคู่หรือไม่ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบัญชี เช่น ระยะเวลาการใช้งาน พฤติกรรมการโพสต์ กลุ่มเพื่อน รูปถ่ายส่วนตัว หากมีเพื่อนน้อย มีกิจกรรมบนโซเชียลเล็กน้อย ควรระมัดระวัง เนื่องจากอาจเป็นโปรไฟล์ปลอม อย่าไว้วางใจหรือส่งเงิน อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์ รวมถึงแอปฯ หาคู่ ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต บัตรเดบิต รายละเอียดบัตร ATM เลขบัญชีธนาคาร เลขประจำตัวประชาชน

หลีกเลี่ยงการแบ่งปันภาพถ่ายส่วนตัวกับใคร ไม่แบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เนื่องจากมิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลนี้ในทางที่ผิด เพื่อสร้างความเสียหายให้กับคุณ ทั้งนี้ ต้นตอของการถูกหลอกมักเกิดจากการไว้วางใจรูปลักษณ์ภายนอกมากเกินไป ส่งผลให้ผู้ที่ไม่สงสัยจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ ดังนั้น ควรตรวจสอบใครก็ตามที่คุณสนใจอย่างละเอียด เพราะคนหลอกลวงจำนวนมาก เชี่ยวชาญในการปิดบังเจตนาที่แท้จริง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระมัดระวัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.-คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย

พายุดีเปรสชันทวีกำลังเป็นโซนร้อน “มิแทก” ส่งผลไทยฝนเพิ่ม

กรุงเทพฯ​ 19 ก.ย.​-กรมอุตุฯ เผย​พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “มิแทก” (MITAG) แล้วบ่าย​วานนี้ แม้ไม่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ตอนกลางประเทศ​ฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังพายุอีกลูกช่วงปลายเดือนนี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้​พายุโซนร้อน “มิแทก” มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ในวันนี้​(19 กันยายน) แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งผลทางอ้อม ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 19–26 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น […]

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]