รวบหนุ่มจีนใช้แอปฯ หาคู่ ตระเวนหลอกฉกทรัพย์เหยื่อ

20 มี.ค. – เตือนภัยแอปฯ หาคู่ หลังตำรวจเชียงใหม่ ตามรวบหนุ่มจีนวัย 31 ปี คาสนามบิน ก่อเหตุลวงเหยื่อผ่านแอปฯ หาคู่ เข้าโรงแรมฉกทรัพย์ ก่อนหลบหนี สอบสวนพบตระเวนก่อเหตุมาแล้วหลายประเทศแถบเอเชีย


หลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมกับตำรวจ ตม.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จับหนุ่มชาวจีน วัย 31 ปี คาสนามบิน ขณะกำลังขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งหนุ่มจีนรายนี้ก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยว 2 ราย รายแรกเป็นชาวจีน วัย 49 ปี สูญเงินสด 29,000 บาท บัตรเครดิต 2 ใบ หนังสือเดินทาง โทรศัพท์มือถือ ส่วนเหยื่อรายที่ 2 เป็นหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือ สูญเงินสด 2,000 บาท บัตรเครดิต 1 ใบ โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง หลังก่อเหตุรีบวิ่งหนีออกจากโรงแรมย่านคูเมือง

พบข้อมูลน่าตกใจ ตระเวนก่อเหตุมาหลายประเทศแล้ว
ตำรวจเปิดเผยว่า หลังจับกุมนาย Zhou Kaiyuan สารภาพว่าก่อเหตุที่ จ.เชียงใหม่ รวม 2 ครั้ง และกำลังจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อก่อเหตุอีก โดยพฤติกรรมจะใช้แอปฯ หาคู่ชักชวนผู้ชายที่มีรสนิยมไม้ป่าเดียวกัน ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นชักชวนเข้าห้องพักโรงแรมของเหยื่อ และอาศัยเหยื่อเผลอเข้าห้องน้ำ ขโมยทรัพย์สิน


ทั้งนี้ ในประเทศจีนไม่ยอมรับบุคคลเพศที่สาม ทำให้แสดงออกไม่ค่อยได้ จึงเดินทางไปประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งไต้หวัน ฮ่องกง ก่อเหตุสลับไปมา และหลบหนีมาก่อเหตุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 16 และ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ลักทรัพย์ชาวจีนด้วยกัน และนักท่องเที่ยวชาวไอร์แลนด์เหนือที่มีรสนิยมเหมือนกัน โดยใช้แอปฯ หาคู่ ชักชวนกันไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้เหยื่อตายใจตามกลับมาที่ห้องพัก ก่อนอาศัยจังหวะเหยื่อเผลอเข้าห้องน้ำลักทรัพย์ และหลบหนีออกจากโรงแรม

เหตุดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด และผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติเข้าแจ้งความ ตำรวจจึงออกแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้ก่อเหตุกำลังหลบหนีขึ้นเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ เบื้องต้นแจ้งดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจะควบคุมตัวส่งศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.)

ตร.ไซเบอร์ เตือนภัยใช้แอปฯ หาคู่ มักมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่
ด้านผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพรายบุคคล มักแฝงตัวเข้าปักหมุดในแอปฯ หาคู่ ที่เป็นที่นิยม โดยใช้โปรไฟล์และข้อมูลปลอม หากเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ เมื่อเลือกเหยื่อได้แล้วมิจฉาชีพจะชักชวนเหยื่อออกมาสนทนากันส่วนตัวผ่านไลน์ เมื่อเหยื่อหลงรักหรือคุ้นเคยกับมิจฉาชีพมากขึ้น การหลอกจะเพิ่มความเข้มขึ้น และมักจะมาโดยการหาวิธีหลอกให้เหยื่อลงทุนในรูปแบบต่างๆ โดยจะดึงเหยื่อเข้ากลุ่มไลน์ที่ 2 ซึ่งมีสมาชิกหลายคน อ้างว่าเป็นผู้ชำนาญการด้านการลงทุน หรือสมาชิกนักลงทุนด้วยกัน ทำให้เหยื่อยิ่งเชื่อสนิทใจ หลงลงทุนจากปริมาณน้อยๆ กว่าจะรู้ว่าถูกหลอก ก็อาจต้องสูญเงินจนหมดตัว


ส่วนการหลอกของมิจฉาชีพที่เป็นรายบุคคลอาจมีการนัดพบกันนอกรอบตามสถานที่หรือโรงแรม เพื่อประสงค์ต่อร่างกายหรือประสงค์ต่อทรัพย์และเพศ ทั้งนี้ การหลอกผ่านแอปฯ หาคู่ เป็นการอัปเกรดขึ้นมา จากเดิมเป็นการหลอกในรูปแบบ Romance Scam เตือนประชาชนหากคิดใช้แอปฯ หาคู่ เพื่อพบหาคนรักหรือตามหาคนจริงใจ ให้ตระหนักเสมอว่าในแอปฯ หาคู่ มีมิจฉาชีพเข้าไปแฝงตัวอยู่ อย่าคิดว่าแอปฯ จะกลั่นกรองเอาเฉพาะคนดีๆ เข้ามาใช้แอปฯ

ทั้งนี้ คดีที่เกี่ยวข้องกับแอปฯ หาคู่ ในส่วนของตำรวจไซเบอร์ ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 65-19 มี.ค. 68 มีการรับแจ้งควา รวม 1,415 คดี ความเสียหายรวมกว่า 350 ล้านบาท

นอกจากนี้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (บก.ปอท.) ยังแนะวิธีสังเกต พฤติกรรมที่มักเป็นมิจฉาชีพบนแอปฯ หาคู่ คือมีโปรไฟล์ที่โดดเด่นและดีจนเกินเหตุ น่าดึงดูดใจในทุกๆ ด้าน เป็นหนึ่งในเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่หลอกล่อให้ผู้คนตกหลุมรักทันที เนื่องจากบุคคลจำนวนมากมักหลงใหลในคุณสมบัติ หน้าตาดี มีเสน่ห์ มาจากครอบครัวดี การศึกษาสูง พูดจาสุภาพ และปฏิบัติต่อผู้อื่นเสมือนเป็นบุคคลสำคัญจนคนคนนั้นหลงใหลในทันที

หลอกให้เสียเงินด้วยข้ออ้างสารพัด เช่น แสร้งทำเป็นมีสิทธิได้รับมรดก อ้างว่าส่งสินค้ามูลค่าสูงจากต่างประเทศมาให้ แต่กลับขอค่าขนส่งหรือภาษี แสร้งทำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนและสิ้นหวัง เพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และการชักชวนให้ส่งเงินมาช่วยเหลือ

วิธีเช็กคนที่เข้ามาสนใจ แบบไหนส่อแววเป็นมิจฉาชีพ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล โดยค้นหา Google หรือแพลตฟอร์มโซเชียล ดูชื่อ รูปลักษณ์ ตรงกับโปรไฟล์ในแอปฯ หาคู่หรือไม่ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบัญชี เช่น ระยะเวลาการใช้งาน พฤติกรรมการโพสต์ กลุ่มเพื่อน รูปถ่ายส่วนตัว หากมีเพื่อนน้อย มีกิจกรรมบนโซเชียลเล็กน้อย ควรระมัดระวัง เนื่องจากอาจเป็นโปรไฟล์ปลอม อย่าไว้วางใจหรือส่งเงิน อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์ รวมถึงแอปฯ หาคู่ ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต บัตรเดบิต รายละเอียดบัตร ATM เลขบัญชีธนาคาร เลขประจำตัวประชาชน

หลีกเลี่ยงการแบ่งปันภาพถ่ายส่วนตัวกับใคร ไม่แบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เนื่องจากมิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลนี้ในทางที่ผิด เพื่อสร้างความเสียหายให้กับคุณ ทั้งนี้ ต้นตอของการถูกหลอกมักเกิดจากการไว้วางใจรูปลักษณ์ภายนอกมากเกินไป ส่งผลให้ผู้ที่ไม่สงสัยจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ ดังนั้น ควรตรวจสอบใครก็ตามที่คุณสนใจอย่างละเอียด เพราะคนหลอกลวงจำนวนมาก เชี่ยวชาญในการปิดบังเจตนาที่แท้จริง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระมัดระวัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย