รวบหนุ่มจีนใช้แอปฯ หาคู่ ตระเวนหลอกฉกทรัพย์เหยื่อ

20 มี.ค. – เตือนภัยแอปฯ หาคู่ หลังตำรวจเชียงใหม่ ตามรวบหนุ่มจีนวัย 31 ปี คาสนามบิน ก่อเหตุลวงเหยื่อผ่านแอปฯ หาคู่ เข้าโรงแรมฉกทรัพย์ ก่อนหลบหนี สอบสวนพบตระเวนก่อเหตุมาแล้วหลายประเทศแถบเอเชีย


หลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ร่วมกับตำรวจ ตม.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จับหนุ่มชาวจีน วัย 31 ปี คาสนามบิน ขณะกำลังขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งหนุ่มจีนรายนี้ก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยว 2 ราย รายแรกเป็นชาวจีน วัย 49 ปี สูญเงินสด 29,000 บาท บัตรเครดิต 2 ใบ หนังสือเดินทาง โทรศัพท์มือถือ ส่วนเหยื่อรายที่ 2 เป็นหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือ สูญเงินสด 2,000 บาท บัตรเครดิต 1 ใบ โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง หลังก่อเหตุรีบวิ่งหนีออกจากโรงแรมย่านคูเมือง

พบข้อมูลน่าตกใจ ตระเวนก่อเหตุมาหลายประเทศแล้ว
ตำรวจเปิดเผยว่า หลังจับกุมนาย Zhou Kaiyuan สารภาพว่าก่อเหตุที่ จ.เชียงใหม่ รวม 2 ครั้ง และกำลังจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อก่อเหตุอีก โดยพฤติกรรมจะใช้แอปฯ หาคู่ชักชวนผู้ชายที่มีรสนิยมไม้ป่าเดียวกัน ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นชักชวนเข้าห้องพักโรงแรมของเหยื่อ และอาศัยเหยื่อเผลอเข้าห้องน้ำ ขโมยทรัพย์สิน


ทั้งนี้ ในประเทศจีนไม่ยอมรับบุคคลเพศที่สาม ทำให้แสดงออกไม่ค่อยได้ จึงเดินทางไปประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งไต้หวัน ฮ่องกง ก่อเหตุสลับไปมา และหลบหนีมาก่อเหตุในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 16 และ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ลักทรัพย์ชาวจีนด้วยกัน และนักท่องเที่ยวชาวไอร์แลนด์เหนือที่มีรสนิยมเหมือนกัน โดยใช้แอปฯ หาคู่ ชักชวนกันไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้เหยื่อตายใจตามกลับมาที่ห้องพัก ก่อนอาศัยจังหวะเหยื่อเผลอเข้าห้องน้ำลักทรัพย์ และหลบหนีออกจากโรงแรม

เหตุดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด และผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติเข้าแจ้งความ ตำรวจจึงออกแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้ก่อเหตุกำลังหลบหนีขึ้นเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ เบื้องต้นแจ้งดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจะควบคุมตัวส่งศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.)

ตร.ไซเบอร์ เตือนภัยใช้แอปฯ หาคู่ มักมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่
ด้านผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมิจฉาชีพรายบุคคล มักแฝงตัวเข้าปักหมุดในแอปฯ หาคู่ ที่เป็นที่นิยม โดยใช้โปรไฟล์และข้อมูลปลอม หากเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมุ่งประสงค์ต่อทรัพย์ เมื่อเลือกเหยื่อได้แล้วมิจฉาชีพจะชักชวนเหยื่อออกมาสนทนากันส่วนตัวผ่านไลน์ เมื่อเหยื่อหลงรักหรือคุ้นเคยกับมิจฉาชีพมากขึ้น การหลอกจะเพิ่มความเข้มขึ้น และมักจะมาโดยการหาวิธีหลอกให้เหยื่อลงทุนในรูปแบบต่างๆ โดยจะดึงเหยื่อเข้ากลุ่มไลน์ที่ 2 ซึ่งมีสมาชิกหลายคน อ้างว่าเป็นผู้ชำนาญการด้านการลงทุน หรือสมาชิกนักลงทุนด้วยกัน ทำให้เหยื่อยิ่งเชื่อสนิทใจ หลงลงทุนจากปริมาณน้อยๆ กว่าจะรู้ว่าถูกหลอก ก็อาจต้องสูญเงินจนหมดตัว


ส่วนการหลอกของมิจฉาชีพที่เป็นรายบุคคลอาจมีการนัดพบกันนอกรอบตามสถานที่หรือโรงแรม เพื่อประสงค์ต่อร่างกายหรือประสงค์ต่อทรัพย์และเพศ ทั้งนี้ การหลอกผ่านแอปฯ หาคู่ เป็นการอัปเกรดขึ้นมา จากเดิมเป็นการหลอกในรูปแบบ Romance Scam เตือนประชาชนหากคิดใช้แอปฯ หาคู่ เพื่อพบหาคนรักหรือตามหาคนจริงใจ ให้ตระหนักเสมอว่าในแอปฯ หาคู่ มีมิจฉาชีพเข้าไปแฝงตัวอยู่ อย่าคิดว่าแอปฯ จะกลั่นกรองเอาเฉพาะคนดีๆ เข้ามาใช้แอปฯ

ทั้งนี้ คดีที่เกี่ยวข้องกับแอปฯ หาคู่ ในส่วนของตำรวจไซเบอร์ ระหว่างวันที่ 1 มี.ค. 65-19 มี.ค. 68 มีการรับแจ้งควา รวม 1,415 คดี ความเสียหายรวมกว่า 350 ล้านบาท

นอกจากนี้ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (บก.ปอท.) ยังแนะวิธีสังเกต พฤติกรรมที่มักเป็นมิจฉาชีพบนแอปฯ หาคู่ คือมีโปรไฟล์ที่โดดเด่นและดีจนเกินเหตุ น่าดึงดูดใจในทุกๆ ด้าน เป็นหนึ่งในเป้าหมายอันดับต้นๆ ที่หลอกล่อให้ผู้คนตกหลุมรักทันที เนื่องจากบุคคลจำนวนมากมักหลงใหลในคุณสมบัติ หน้าตาดี มีเสน่ห์ มาจากครอบครัวดี การศึกษาสูง พูดจาสุภาพ และปฏิบัติต่อผู้อื่นเสมือนเป็นบุคคลสำคัญจนคนคนนั้นหลงใหลในทันที

หลอกให้เสียเงินด้วยข้ออ้างสารพัด เช่น แสร้งทำเป็นมีสิทธิได้รับมรดก อ้างว่าส่งสินค้ามูลค่าสูงจากต่างประเทศมาให้ แต่กลับขอค่าขนส่งหรือภาษี แสร้งทำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนและสิ้นหวัง เพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ และการชักชวนให้ส่งเงินมาช่วยเหลือ

วิธีเช็กคนที่เข้ามาสนใจ แบบไหนส่อแววเป็นมิจฉาชีพ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคล โดยค้นหา Google หรือแพลตฟอร์มโซเชียล ดูชื่อ รูปลักษณ์ ตรงกับโปรไฟล์ในแอปฯ หาคู่หรือไม่ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบัญชี เช่น ระยะเวลาการใช้งาน พฤติกรรมการโพสต์ กลุ่มเพื่อน รูปถ่ายส่วนตัว หากมีเพื่อนน้อย มีกิจกรรมบนโซเชียลเล็กน้อย ควรระมัดระวัง เนื่องจากอาจเป็นโปรไฟล์ปลอม อย่าไว้วางใจหรือส่งเงิน อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์ รวมถึงแอปฯ หาคู่ ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต บัตรเดบิต รายละเอียดบัตร ATM เลขบัญชีธนาคาร เลขประจำตัวประชาชน

หลีกเลี่ยงการแบ่งปันภาพถ่ายส่วนตัวกับใคร ไม่แบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เนื่องจากมิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลนี้ในทางที่ผิด เพื่อสร้างความเสียหายให้กับคุณ ทั้งนี้ ต้นตอของการถูกหลอกมักเกิดจากการไว้วางใจรูปลักษณ์ภายนอกมากเกินไป ส่งผลให้ผู้ที่ไม่สงสัยจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ ดังนั้น ควรตรวจสอบใครก็ตามที่คุณสนใจอย่างละเอียด เพราะคนหลอกลวงจำนวนมาก เชี่ยวชาญในการปิดบังเจตนาที่แท้จริง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระมัดระวัง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ชะตากรรมชาวตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านคลองลึก

สระแก้ว 25 มิ.ย. – เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านพรมแดนคลองลึก จากที่ต้องดิ้นรนค้าขายในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

EOD ทำลายระเบิดซุก จยย.จอดทิ้งหน้าอาคารสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย. – ตำรวจชุด EOD ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต ล่าสุดยิงทำลายวัตถุระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ ยืนยันมีลูกเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]