นายกฯ ขออย่าเพิ่งเสียกำลังใจ GDP ปี 67 รั้งท้ายอาเซียน

กรุงเทพฯ 2 มี.ค.-นายกฯ ย้ำผ่านรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ขออย่าเพิ่งเสียกำลังใจ GDP ปี 67 รั้งท้ายอาเซียน ยันรัฐบาล-เอกชนร่วมมือกัน บอกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ลั่นทำเต็มที่อยู่ครบเทอมดันการลงทุน ให้ความมั่นใจต่างชาติ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ถึงตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจของไทย หลังสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ แถลงตัวเลข GDP ปี 2567 ที่เติบโต 2.5% ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า เศรษฐกิจของไทยไม่โต หรือรั้งท้ายกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งหากดู GDP ในไตรมาส 4 ของปี 2567 เติบโตขึ้น 3.2% ซึ่งเกิดจากนโยบายฟรีวีซ่า การลงทุนของภาครัฐ การลงทุนของบีโอไอ แต่ยังมีคำถามว่า ทำไม GDP ของไทยโตขึ้นน้อย รั้งท้ายกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ค่อยมีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ การเตรียมตัวเรายังไม่ทัน ทั้งที่คนไทยมีศักยภาพ เพียงแต่รอแค่โอกาสและการลงทุนเพิ่มเติม รวมไปถึงการพัฒนาทักษะ


เรื่องอุตสาหกรรมใหม่ เซมิคอนดักเตอร์ ผลิตรถอีวี การเตรียมคนสำหรับอุตสาหกรรมรถ และการเตรียมคนสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต อย่างมาเลเซีย มีการเตรียมตัวเรื่องการทำเซมิคอนดักเตอร์มานานแล้ว เช่นเดียวกับเวียดนามที่ฝึกคนเขียนซอฟต์แวร์มาระยะหนึ่งแล้ว รัฐบาลลงทุนอย่างจริงจังในการทำสิ่งนี้ และมีภาคเอกชนเข้ามาช่วยองค์ความรู้ในการผลักดันคนให้พร้อมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

แต่ไทยยังไม่ได้มีเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราต้องพัฒนาอัพสกิล-รีสกิล ของแรงงานไทย หากไม่พัฒนาสิ่งเหล่านี้ เราจะตามเขาไม่ทัน เมื่อรัฐลงทุนแล้ว ภาคเอกชนก็ต้องช่วยกัน ทุกฝ่ายต้องดัน GDP ประเทศขึ้นด้วยกัน ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนดัน ต้องให้เกิดความร่วมมือจากทุกฝ่ายจริงๆ


นายกรัฐมนตรี ยังอยากให้ SME ที่มีอยู่ 75% ของประเทศลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องอาศัยธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชน เพื่อจะได้นำเม็ดเงินนี้ไปพัฒนาอุตสาหกรรมของตัวเองที่มีอยู่แล้ว ถ้าปล่อยสินเชื่อได้ช่วยดัน GDP

หลังจากที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน ตนเป็นนายกรัฐมนตรีได้ 5-6 เดือน ได้ดูเรื่องของงบประมาณ ซึ่งค่อนข้างมีจำกัดมาก ส่วนใหญ่ที่ได้มาจะนำไปจ่ายงบประจำ ตนเองพยายามจะรัดเข็มขัดให้ดี ไม่อยากให้ใช้จ่ายงบประจำเพิ่มมากขึ้น จึงอยากให้นำเงินเหล่านี้มาลงทุนในภาครัฐ ขออย่าเพิ่งเสียกำลังใจเรื่อง GDP ปี 67 ที่โต 2.5% เพราะโตขึ้นจาก GDP ปี 66 ที่ 2.0% ซึ่งจะเห็นว่าขยับขึ้น และภายใต้การทำงานของรัฐบาลชุดนี้พร้อมเอกชนที่ให้ความร่วมมือกัน GDP มีโอกาสโตขึ้นสูงมาก ขออย่าเพิ่งท้อใจ เพราะนี่แค่ต้นปี

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งหาเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุน แล้วปีนี้มี Google, TikTok, NVIDIA จะมาลงทุนในไทย โดยบีโอไอ รายงานว่า ในปี 2567 มีต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งต้องชื่นชมบีโอไอที่ประสานงานกับรัฐมาโดยตลอด และเวลาที่ไปต่างประเทศ เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะคุยกับใคร จะดึงใครบ้างเข้ามาลงทุน อย่างช่วงที่ตนเดินทางไปประชุม World Economic Forum ที่ดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ได้รับคำถามว่า หากเขาลงทุนจะมีความมั่นคงอย่างไร ตนก็ได้ให้ความมั่นใจว่า


“เราจะทำเรื่องนี้เต็มที่ ผลักดันเรื่องการลงทุน ดิฉันต้องอยู่ครบเทอม เพื่อผลักดันการลงทุน นี่คือสิ่งที่เราบอกกับต่างชาติมั่นใจว่า เราไม่ได้จู่ๆ จะเปลี่ยนอีกนะ เอะอะจะยุบสภากัน เกมการเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน ประเทศชาติ อันนี้เป็นสิ่งที่เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ หนักแน่นเข้าไว้ในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น เราหนึ่งคนเล่นเกมการเมือง ทุกอย่างที่คุยกันไว้ ไม่มีใครเขาเชื่อแล้วจบทุกอย่าง การลงทุนทุกอย่างจะผลักดันได้ยาก แต่เราก็บอกข้อดีของไทยหลายเรื่อง คือ การมาตั้งโรงงานที่เรา การใช้พื้นที่ในประเทศไทย ประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าประเทศอื่น” นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้มีอุตสาหกรรมที่จะมาลงทุนในไทย ทั้งอุตสาหกรรมดิจิทัล เซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนรถอีวี โรงงานที่มีอยู่แล้ว ของญี่ปุ่นและจีน เริ่มที่จะปรับจากรถยนต์สันดาป เป็นรถไฮบริด และอีวี รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด

เมื่อถามว่า ลงทุนแล้วประเทศไทยได้อะไร คำตอบคือเกิดการจ้างงาน ค่าแรงก็แพงขึ้น การรับรายได้ก็จะสูงมากขึ้น นี่คือการสนับสนุนภาพใหญ่ภาพรวมทั้งหมด เวลาที่บริษัทใหญ่จากต่างประเทศมาลงทุน ไม่ได้แค่เฉพาะเรื่องของจีดีพี แต่จะลงไปถึงรากลึกคนเล็กๆ ได้ทั้งระบบจริง ดังนั้นรัฐบาลได้มีการพูดคุยให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ช่วยพัฒนาทักษะของแรงงานด้วย พร้อมย้ำว่า ตนเองเน้นเรื่องการให้โอกาสทางการศึกษา เพื่อให้เด็กได้ไปเรียนรู้เพิ่มโอกาสทางการศึกษา ทุนโอดอส (ODOS) เพื่อไปเรียนรู้อุตสาหกรรมอนาคต เทคโนโลยี และดึงให้ทุกคนกลับมาในระบบการศึกษา ไม่มีใครหลุดออกนอกระบบการศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตัวเอง เพิ่มโอกาสในการหารายได้ เพิ่มโอกาสการจ้างงานในอนาคต

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้มีโอกาสไปลงพื้นที่ตรวจราชการที่ภาคใต้ ชาวบ้านบอกว่า สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เคยให้งบประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อสร้างสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่ จ.พัทลุง ลูกมาแล้ววันนี้ให้งบอีกแน่นอน ซึ่งช่วงนี้นายกฯ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมระบุว่า ชาวบ้านน่ารักมาก กดดันกันเลย ความจริงแล้วทุกจังหวัด ทุกที่ รัฐบาลต้องดูแลอยู่แล้ว ดิฉันเองผู้เป็นนายกฯ ไม่เลือกว่าจังหวัดไหนคุณพ่อเคยทำหรือไม่ ไม่เกี่ยวกัน ทุกที่ ทุกจังหวัดคือประเทศไทย ฉะนั้นนายกฯ จะต้องดูแลประเทศไทยให้ดีที่สุด อันนี้คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ไม่มีข้อต่อรอง ขอบอกพี่น้องทุกจังหวัดเต็มที่

“เพิ่งเริ่มต้นรัฐบาลผลักดันต่อแน่นอน เพื่อให้จีดีพีของประเทศเพิ่มมากขึ้น จีดีพีเพิ่มขึ้นแปลว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้น คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตัวเลขเหล่านี้เพื่อให้ประเทศอื่นๆ จะได้ดูด้วยว่า ประเทศไทยมีคุณภาพ มีศักยภาพขึ้นแล้ว จีดีพีช่วงนี้ที่ไม่ได้ขึ้นมานานก็ขึ้น กำลังค่อยๆ ไปต่อ ดิฉันเองอยากทำให้ขึ้นแบบก้าวกระโดด ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้มีจีดีพีที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ความจริงคิดว่าเป็นไปได้ รัฐบาลอยากให้พี่น้องทุกคนรวยๆ จะได้จับจ่ายใช้สอยให้เกิดประโยชน์กับประเทศ วินวินแน่นอนค่ะ ก็ขอกำลังใจเยอะๆ บางทีก็มีท้อบ้าง แต่ว่าไม่ท้อนานแน่นอน สู้ค่ะ ประเทศยังต้องการการพัฒนา การผลักดันอีกเยอะ คนยังต้องการการสนับสนุนอีกเยอะ ดิฉันเองวันนี้ที่มีโอกาสเป็นนายกฯ ทำหน้าที่เต็มที่ที่สุด เพราะฉะนั้นปีแห่งโอกาส ทุกคนต้องมีความหวังและต้องได้รับโอกาสแน่นอน” นายกฯ กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

เตือนฝนฟ้าคะนองทั่วไทย – 6 จังหวัดตะวันออกหนักสุด

กทม. 17 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยฝนฟ้าคะนองทั่วไทย เตือน 6 จังหวัดภาคตะวันออก แม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด รับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 17 ส.ค. นี้ไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]