“ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์ภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนกลับประเทศ

ตาก 20 ก.พ.- “ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์แสดงผลภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ 200 คน ปรับแผนจีนส่งเครื่องบินรับอีก 400 คน สองวันติด “ภูมิธรรม” เผยพร้อมเสนอนายกฯ เซ็นตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ทำงานให้ชัดเจน มีกฎหมายรองรับผู้ปฏิบัติ ย้ำไทยไม่ตั้งศูนย์อพยพรองรับเหยื่อที่เหลือ แต่ประสานให้ต้นทางรับกลับทันที


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือร่วมกันระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และพลเอก อ่อง จอจอรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเมียนมา ที่สนามบินแม่สอด จ.ตาก เพื่อรับฟังสรุปแผนการปฎิบัติงาน หลังจากนั้นทั้ง 3 คน ได้จับมือกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าภารกิจทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะเกิดความร่วมมือจาก 3 ประเทศ และมีการมอบหมายให้นายภูมิธรรมเป็นคนแถลงข่าวเพียงคนเดียว เนื่องจากทั้งสองคนติดภารกิจ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการส่งกลับคนจีน 50 คนล็อตสุดท้ายของวันนี้ ว่า มาครั้งนี้ติดตามการร่วมมือ ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายได้คุยกันทั้งหมดแล้วว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้ มีการวางแผนทำล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แล้ว และคุยกันในระดับรัฐมนตรีมาจนถึงวันนี้ บางทีเวลาที่ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มาพื้นที่แล้วไม่มีฝ่ายนโยบายปรากฏตัว ก็เพราะเราคุยกันเรื่องการทำงานแล้ว ไม่ใช่เข้าใจผิดว่าจีนมีอำนาจมาสั่งการต่างๆ ซึ่ง นายหลิว จงอี ได้ให้ตนประชาสัมพันธ์ว่าเขายินดีให้เราแจ้งให้สื่อทราบ และขอโทษ กับความมุ่งมั่นที่เขาอยากแก้ปัญหาให้เร็ว จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในประเด็นนี้ ดังนั้นขอให้เข้าใจและช่วยเคลียร์ด้วย ไม่งั้นจะเสียหายต่อความร่วมมือ 3 ส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เนื่องจากมันเกี่ยวพันกับชายแดน และหลายกระบวนการ ดังนั้นถ้าไม่จับมือร่วมกัน ก็คงเป็นไปไม่ได้ และทุกฝ่ายจะเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ รวมถึงปฏิบัติตามกฏหมายท้องถิ่นของแต่ละประเทศอย่างเต็มที่


การมาครั้งนี้เป็นรูปธรรม มีความร่วมมือของ 3 ฝ่าย หลังจากนี้ภายใน 1 สัปดาห์ หรืออาจมากกว่านี้ จะมีการพูดคุยไตรภาคีระดับรัฐมนตรี 3 ฝ่าย ซึ่งขณะนี้ พลเอก อ่อง จอจอ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะบินกลับแล้ว พร้อมเมื่อไหร่เขาจะมาทันที ส่วนนายหลิว จงอี ติดภารกิจนิดหน่อย ถ้าเรียบร้อยเขาก็ให้เราเป็นคนจัดการ โดยปลัดกลาโหม ได้ประสานกระทรวงต่างประเทศแล้ว ขณะนี้มีการเตรียมการหมดแล้ว

สำหรับวันนี้ขอยืนยันอีกครั้ง ไทยจะรับเหยื่อชุดนี้เป็นชุดสุดท้าย ตามข้อตกลงที่คุยกัน หลังจากนี้ยังมีความเห็นที่แตกต่าง แต่ไม่ใช่ขัดแย้งกัน ก็จะมีการคุยกันในไตรภาคี ให้ตกลงกันให้ได้ในไตรภาคี ซึ่งเขาเล่ากระบวนการให้ฟังว่าตั้งแต่ออกจากที่เมียนมา ก็มีกระบวนการทั้งหมดจัดการ

ส่วนเรื่องไบโอเมทริกซ์ ก็มีการดำเนินการ อย่าให้ใครมาเที่ยวพูดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ทำไบโอเมทริกซ์ ไม่ได้ เพราะโทษถึงขั้นสูงสุด อย่าคิดว่าพวกเราเอาชีวิตไปเสี่ยง เพราะฉะนั้นทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทั้งสิ้น


อีกเรื่องที่ตนไม่สบายใจที่มีการพูดว่าชาวอุยกูร์ติดไปด้วยตรงนี้นั้น สื่อฯสามารถตรวจสอบได้ เพียงแต่การที่ไม่ได้ให้เข้ามาถ่ายภาพ เพราะไม่อยากให้ถ่ายใบหน้า มันเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน คนเหล่านี้มีปะปนกันไป และกระบวนการทั้งหมดเราตรวจสอบอย่างเต็มที่ และทั้ง 3 ประเทศ จะตรวจสอบและให้ข้อมูลกันและกัน ขณะเดียวกันไทยยังไม่อนุญาตให้มีการตั้งสำนักงาน ขอเจรจาคุยกัน 3 ฝ่ายไปก่อน โดยไทยเป็นหลักในการให้เข้าและออก

ทั้งนี้ การตรวจสอบที่ชายแดนเมียนมา จนจบกระบวนการ มีเจ้าหน้าที่ไทยเข้าร่วมตรวจสอบด้วย และมีกระบวนการเหมือนกับการให้คนเข้าเมือง ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ตามหลักสิทธิมนุษยชน

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังหยิบเอากฎหมายที่เราเคยใช้ในปี 2548 มาใช้ เพื่อตั้งหัวขบวน อาจเป็นเหมือนศูนย์ ศปช. และมีผู้ดำเนินการทั้งหมด ขณะนี้ใช้กลไกให้แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นซิงเกิ้ลคอมมาน ถ้าหากออกมาแล้วก็จะเป็นองค์กรที่มีกลไกชัดเจน จะมีโฆษกชี้แจง ให้ข้อมูลสื่อฯ อย่างต่อเนื่อง มีทั้งทหาร ตำรวจ และกระทรวงต่างประเทศ

นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ชาวจีนที่ผ่านออกไปต้องผ่านกระบวนการทั้งหมด ไม่มีลัดขั้นตอนเพราะจะมีโทษทางกฎหมาย ในมาตรา 119 ซึ่งชุดที่ออกไปนี้ ถือเป็นบุคคลต้องห้ามไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้อีก และไม่ขอใช้คำว่าจะมีการขึ้นแบล็คลิสต์หรือไม่ แต่ย้ำว่าไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ ขณะที่ผลการคัดกรองชาวจีน 200 คน ในวันนี้ปรากฏว่าเขาเป็นเหยื่อหรืออาชญากร เรื่องนี้ก็ยังไม่ขอตอบ

ส่วนกรณีทางการจีน จะมีการเคารพอธิปไตยของประเทศไทย และยึดหลักไตรภาคี นายภูมิธรรม ระบุว่า เท่าที่ดูตอนนี้ยังไม่มีปัญหาใดๆ แต่ทั้ง สามฝ่ายได้มีการพูดคุยกันแล้ว โดยนายหลิว จงอี ได้ยืนยันในเรื่องนี้ที่จะเคารพในอธิปไตยของไทย รวมถึงกฎหมายท้องถิ่น และตนเองขอยืนยันว่า ภารกิจวันนี้จบวันนี้ แต่จะเข้ามาใหม่ก็ต้องดำเนินการคัดกรองให้แล้วเสร็จ แต่ทั้งนี้ทางเมียนมา ยืนยันว่าจะรีบส่งรายชื่อให้กับทางการไทย ซึ่งตนเองได้ตอบกลับให้เร่งส่งรายชื่อเข้ามา โดยต้องส่งรายละเอียดเบื้องต้นเข้ามาทันที ก่อนที่จะข้ามมา ซึ่งไทยจะขอตรวจสอบอย่างละเอียด แต่หากไทยตรวจสอบแล้วก็ต้องอยู่ฝั่งเมียนมาไปก่อน จนกว่าไทยจะติดต่อประเทศที่เกี่ยวข้องได้และนำเครื่องบินมารับ โดยเฉพาะประเทศอื่นๆ จะต้องมีการประสานเอกอัครราชทูต ซึ่งหลายประเทศได้มีการพูดคุยกับประเทศไทย และได้มีการพูดอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีช่องทาง ในการติดต่อเอาคนออกมาจากเมียนมา ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการของไทยในครั้งนี้ได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติ และประชาคมโลก ว่าไทยจะสามารถช่วยเหลือประเทศต่างๆ ได้

ส่วนมาตรการนี้จะใช้ระยะเวลาอีกเท่าไหร่ เพราะขณะนี้รวบรวมรายชื่อได้มากกว่า 3,000 คนแล้ว นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกอย่างอยู่ที่กระบวนการหากเสร็จสิ้นก็สามารถกลับได้ เช่นเดียวกับคนสัญชาติจีนในวันนี้

ส่วนมาตรการตามแนวชายแดนจะซิวเข้มข้นหรือไม่ เพราะจากการลงพื้นที่ชาวบ้านยังพบการลักลอบขนส่งสินค้าไปยังจังหวัดเมียวดี รวมถึงการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากไทย นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ขณะนี้ได้เตรียมการทั้งหมดไว้อยู่ และอยู่ในกระบวนการที่สามารถจัดการได้ ส่วนจะเข้มข้นหรือไม่นั้นอยู่ที่ตนเองและการประเมินผล

ส่วนการส่งรายชื่อจากฝั่งเมียนมา ขณะนี้ส่งรายชื่อให้ไทยกี่รายแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ขอตอบ

ส่วนชาวแอฟริกาที่ตกค้างไทยมีแผนรองรับอย่างไร นายภูมิธรรม ย้ำว่า แผนคือให้ติดต่อและนำตัวกลับ ถ้ายังไม่นำตัวกลับก็ต้องให้อยู่ฝั่งเมียวดี อย่างไรก็ตามจะต้องมีการสรุปว่าสถานทูตใดมีการติดต่อมายังประเทศไทยแล้ว และย้ำว่าจะใช้แนวทางตามที่ได้ปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งจะไม่มีการรับเข้ามาในประเทศไทย แต่จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกเพื่อช่วยเหลือ แต่หากมีคนพร้อมรับกลับก็พร้อมที่จะให้เข้าประเทศไทย

นายภูมิธรรมยังย้ำว่า การตั้งศูนย์ ศปช. ส่วนหน้า จะรีบสร้างภายในไม่กี่วันนี้ โดยที่ตนเองจะเป็นคนเสนอภายให้นายกรัฐมนตรีได้เซ็นคำสั่งนี้ โดยไม่ต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีกระบวนการของเจ้าหน้าที่มีกฎหมายรองรับ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะได้สบายใจ และรัฐบาลจะได้ดำเนินการให้ชัดเจน .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ครม.เคาะเยียวยาผู้เสียชีวิตเหตุชายแดน รายละ 8-10 ล้าน

กรุงเทพฯ 5 ส.ค. – ครม. อนุมัติเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 8-10 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการกระชุม ครม. วาระสำคัญของรัฐบาล “ก้าวผ่านสองวิกฤติ เดินหน้าไปด้วยกัน” โดยระบุว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว แม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่ามิได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวทหารที่เสียชีวิต รวมรายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รวมรายละ 8 ล้านบาท พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสถานการณ์ที่ไทยเราต้องประสบกับมาตรการภาษีการค้าจากสหรัฐอเมริกา ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีการค้าของไทยที่ร้อยละ 19 ทำให้ไทยยังคงมีศักยภาพแข่งขันได้ในเวทีโลก และยังคงความได้เปรียบประเทศคู่แข่งขันในภูมิภาค รัฐบาลจึงได้กำหนดมาตรการทางการเงิน ทั้งมาตรการ Soft loan มาตรการพักชำระหนี้ การส่งเสริมให้คนไทยใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ และการตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนและรองรับการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้แก่พี่น้องเกษตรกรไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง […]

“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน

กทม. 5 ส.ค.-“เป๊ก ผลิตโชค” ส่อโดนแจ้ง 2 ข้อหา รอผลตรวจเลือด 7 วัน พิสูจน์หาสารเสพติดในร่างกาย พลตำรวจตรี ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวานนี้ คนขับรถกระบะได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว โดยให้การว่า ตนกำลังจะขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ อยู่ดีๆ “เป๊ก ผลิตโชค” ก็กระโดดขึ้นมาบนฝากระโปรงรถ ตอนนั้นรู้สึกตกใจ จึงเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมัน ลงมาพูดคุยกับ “เป๊ก” จากนั้น “เป๊ก” ก็เข้ามาสวมกอด ยกมือไหว้ แล้วเบนไปหานายชุติเทพ มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป และไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนกระทั่งมาเปิดดูข่าว ส่วนคนขับรถแท็กซี่ที่ปรากฏภาพ “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นไปเกาะบนหลังคารถ ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อเข้ามาให้ปากคำ ด้าน “เป๊ก ผลิตโชค” ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำ เพราะยังอยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ซึ่งพนักงานสอบสวน ยินดีที่จะเข้าไปสอบปากคำที่โรงพยาบาล ถ้าหากแพทย์อนุญาต หรือ “เป๊ก ผลิตโชค” […]

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย