“ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์ภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนกลับประเทศ

ตาก 20 ก.พ.- “ไทย จีน เมียนมา” จับมือโชว์แสดงผลภารกิจราบรื่น ส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ 200 คน ปรับแผนจีนส่งเครื่องบินรับอีก 400 คน สองวันติด “ภูมิธรรม” เผยพร้อมเสนอนายกฯ เซ็นตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ทำงานให้ชัดเจน มีกฎหมายรองรับผู้ปฏิบัติ ย้ำไทยไม่ตั้งศูนย์อพยพรองรับเหยื่อที่เหลือ แต่ประสานให้ต้นทางรับกลับทันที


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือร่วมกันระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และพลเอก อ่อง จอจอรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเมียนมา ที่สนามบินแม่สอด จ.ตาก เพื่อรับฟังสรุปแผนการปฎิบัติงาน หลังจากนั้นทั้ง 3 คน ได้จับมือกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าภารกิจทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพราะเกิดความร่วมมือจาก 3 ประเทศ และมีการมอบหมายให้นายภูมิธรรมเป็นคนแถลงข่าวเพียงคนเดียว เนื่องจากทั้งสองคนติดภารกิจ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการส่งกลับคนจีน 50 คนล็อตสุดท้ายของวันนี้ ว่า มาครั้งนี้ติดตามการร่วมมือ ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายได้คุยกันทั้งหมดแล้วว่าการทำงานร่วมกันครั้งนี้ มีการวางแผนทำล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แล้ว และคุยกันในระดับรัฐมนตรีมาจนถึงวันนี้ บางทีเวลาที่ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน มาพื้นที่แล้วไม่มีฝ่ายนโยบายปรากฏตัว ก็เพราะเราคุยกันเรื่องการทำงานแล้ว ไม่ใช่เข้าใจผิดว่าจีนมีอำนาจมาสั่งการต่างๆ ซึ่ง นายหลิว จงอี ได้ให้ตนประชาสัมพันธ์ว่าเขายินดีให้เราแจ้งให้สื่อทราบ และขอโทษ กับความมุ่งมั่นที่เขาอยากแก้ปัญหาให้เร็ว จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในประเด็นนี้ ดังนั้นขอให้เข้าใจและช่วยเคลียร์ด้วย ไม่งั้นจะเสียหายต่อความร่วมมือ 3 ส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เนื่องจากมันเกี่ยวพันกับชายแดน และหลายกระบวนการ ดังนั้นถ้าไม่จับมือร่วมกัน ก็คงเป็นไปไม่ได้ และทุกฝ่ายจะเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ รวมถึงปฏิบัติตามกฏหมายท้องถิ่นของแต่ละประเทศอย่างเต็มที่


การมาครั้งนี้เป็นรูปธรรม มีความร่วมมือของ 3 ฝ่าย หลังจากนี้ภายใน 1 สัปดาห์ หรืออาจมากกว่านี้ จะมีการพูดคุยไตรภาคีระดับรัฐมนตรี 3 ฝ่าย ซึ่งขณะนี้ พลเอก อ่อง จอจอ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะบินกลับแล้ว พร้อมเมื่อไหร่เขาจะมาทันที ส่วนนายหลิว จงอี ติดภารกิจนิดหน่อย ถ้าเรียบร้อยเขาก็ให้เราเป็นคนจัดการ โดยปลัดกลาโหม ได้ประสานกระทรวงต่างประเทศแล้ว ขณะนี้มีการเตรียมการหมดแล้ว

สำหรับวันนี้ขอยืนยันอีกครั้ง ไทยจะรับเหยื่อชุดนี้เป็นชุดสุดท้าย ตามข้อตกลงที่คุยกัน หลังจากนี้ยังมีความเห็นที่แตกต่าง แต่ไม่ใช่ขัดแย้งกัน ก็จะมีการคุยกันในไตรภาคี ให้ตกลงกันให้ได้ในไตรภาคี ซึ่งเขาเล่ากระบวนการให้ฟังว่าตั้งแต่ออกจากที่เมียนมา ก็มีกระบวนการทั้งหมดจัดการ

ส่วนเรื่องไบโอเมทริกซ์ ก็มีการดำเนินการ อย่าให้ใครมาเที่ยวพูดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ทำไบโอเมทริกซ์ ไม่ได้ เพราะโทษถึงขั้นสูงสุด อย่าคิดว่าพวกเราเอาชีวิตไปเสี่ยง เพราะฉะนั้นทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทั้งสิ้น


อีกเรื่องที่ตนไม่สบายใจที่มีการพูดว่าชาวอุยกูร์ติดไปด้วยตรงนี้นั้น สื่อฯสามารถตรวจสอบได้ เพียงแต่การที่ไม่ได้ให้เข้ามาถ่ายภาพ เพราะไม่อยากให้ถ่ายใบหน้า มันเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน คนเหล่านี้มีปะปนกันไป และกระบวนการทั้งหมดเราตรวจสอบอย่างเต็มที่ และทั้ง 3 ประเทศ จะตรวจสอบและให้ข้อมูลกันและกัน ขณะเดียวกันไทยยังไม่อนุญาตให้มีการตั้งสำนักงาน ขอเจรจาคุยกัน 3 ฝ่ายไปก่อน โดยไทยเป็นหลักในการให้เข้าและออก

ทั้งนี้ การตรวจสอบที่ชายแดนเมียนมา จนจบกระบวนการ มีเจ้าหน้าที่ไทยเข้าร่วมตรวจสอบด้วย และมีกระบวนการเหมือนกับการให้คนเข้าเมือง ดำเนินการทุกอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ตามหลักสิทธิมนุษยชน

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังหยิบเอากฎหมายที่เราเคยใช้ในปี 2548 มาใช้ เพื่อตั้งหัวขบวน อาจเป็นเหมือนศูนย์ ศปช. และมีผู้ดำเนินการทั้งหมด ขณะนี้ใช้กลไกให้แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นซิงเกิ้ลคอมมาน ถ้าหากออกมาแล้วก็จะเป็นองค์กรที่มีกลไกชัดเจน จะมีโฆษกชี้แจง ให้ข้อมูลสื่อฯ อย่างต่อเนื่อง มีทั้งทหาร ตำรวจ และกระทรวงต่างประเทศ

นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ชาวจีนที่ผ่านออกไปต้องผ่านกระบวนการทั้งหมด ไม่มีลัดขั้นตอนเพราะจะมีโทษทางกฎหมาย ในมาตรา 119 ซึ่งชุดที่ออกไปนี้ ถือเป็นบุคคลต้องห้ามไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้อีก และไม่ขอใช้คำว่าจะมีการขึ้นแบล็คลิสต์หรือไม่ แต่ย้ำว่าไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ ขณะที่ผลการคัดกรองชาวจีน 200 คน ในวันนี้ปรากฏว่าเขาเป็นเหยื่อหรืออาชญากร เรื่องนี้ก็ยังไม่ขอตอบ

ส่วนกรณีทางการจีน จะมีการเคารพอธิปไตยของประเทศไทย และยึดหลักไตรภาคี นายภูมิธรรม ระบุว่า เท่าที่ดูตอนนี้ยังไม่มีปัญหาใดๆ แต่ทั้ง สามฝ่ายได้มีการพูดคุยกันแล้ว โดยนายหลิว จงอี ได้ยืนยันในเรื่องนี้ที่จะเคารพในอธิปไตยของไทย รวมถึงกฎหมายท้องถิ่น และตนเองขอยืนยันว่า ภารกิจวันนี้จบวันนี้ แต่จะเข้ามาใหม่ก็ต้องดำเนินการคัดกรองให้แล้วเสร็จ แต่ทั้งนี้ทางเมียนมา ยืนยันว่าจะรีบส่งรายชื่อให้กับทางการไทย ซึ่งตนเองได้ตอบกลับให้เร่งส่งรายชื่อเข้ามา โดยต้องส่งรายละเอียดเบื้องต้นเข้ามาทันที ก่อนที่จะข้ามมา ซึ่งไทยจะขอตรวจสอบอย่างละเอียด แต่หากไทยตรวจสอบแล้วก็ต้องอยู่ฝั่งเมียนมาไปก่อน จนกว่าไทยจะติดต่อประเทศที่เกี่ยวข้องได้และนำเครื่องบินมารับ โดยเฉพาะประเทศอื่นๆ จะต้องมีการประสานเอกอัครราชทูต ซึ่งหลายประเทศได้มีการพูดคุยกับประเทศไทย และได้มีการพูดอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีช่องทาง ในการติดต่อเอาคนออกมาจากเมียนมา ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการของไทยในครั้งนี้ได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติ และประชาคมโลก ว่าไทยจะสามารถช่วยเหลือประเทศต่างๆ ได้

ส่วนมาตรการนี้จะใช้ระยะเวลาอีกเท่าไหร่ เพราะขณะนี้รวบรวมรายชื่อได้มากกว่า 3,000 คนแล้ว นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกอย่างอยู่ที่กระบวนการหากเสร็จสิ้นก็สามารถกลับได้ เช่นเดียวกับคนสัญชาติจีนในวันนี้

ส่วนมาตรการตามแนวชายแดนจะซิวเข้มข้นหรือไม่ เพราะจากการลงพื้นที่ชาวบ้านยังพบการลักลอบขนส่งสินค้าไปยังจังหวัดเมียวดี รวมถึงการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากไทย นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ขณะนี้ได้เตรียมการทั้งหมดไว้อยู่ และอยู่ในกระบวนการที่สามารถจัดการได้ ส่วนจะเข้มข้นหรือไม่นั้นอยู่ที่ตนเองและการประเมินผล

ส่วนการส่งรายชื่อจากฝั่งเมียนมา ขณะนี้ส่งรายชื่อให้ไทยกี่รายแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ขอตอบ

ส่วนชาวแอฟริกาที่ตกค้างไทยมีแผนรองรับอย่างไร นายภูมิธรรม ย้ำว่า แผนคือให้ติดต่อและนำตัวกลับ ถ้ายังไม่นำตัวกลับก็ต้องให้อยู่ฝั่งเมียวดี อย่างไรก็ตามจะต้องมีการสรุปว่าสถานทูตใดมีการติดต่อมายังประเทศไทยแล้ว และย้ำว่าจะใช้แนวทางตามที่ได้ปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งจะไม่มีการรับเข้ามาในประเทศไทย แต่จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกเพื่อช่วยเหลือ แต่หากมีคนพร้อมรับกลับก็พร้อมที่จะให้เข้าประเทศไทย

นายภูมิธรรมยังย้ำว่า การตั้งศูนย์ ศปช. ส่วนหน้า จะรีบสร้างภายในไม่กี่วันนี้ โดยที่ตนเองจะเป็นคนเสนอภายให้นายกรัฐมนตรีได้เซ็นคำสั่งนี้ โดยไม่ต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีกระบวนการของเจ้าหน้าที่มีกฎหมายรองรับ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะได้สบายใจ และรัฐบาลจะได้ดำเนินการให้ชัดเจน .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]