ชำแหละธุรกิจขายตรงยักษ์ใหญ่-ดาราดังมีเอี่ยว

ธุรกิจขายตรง

กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – ผู้เสียหายลั่น “หมดตัวเพราะขายตรง” แฉธุรกิจขายตรงยักษ์ใหญ่ ชวนลงทุนแต่ทำกำไรไม่ได้จริง พบมีดาราระดับเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยเป็นผู้บริหาร ด้าน ปคบ. เร่งตรวจสอบโมเดลธุรกิจ


สมาชิกผู้ใช้ TikTok คนหนึ่งโพสต์คลิปพูดถึงเครือข่ายธุรกิจออนไลน์ว่าขอเป็นคนเปิดโปงขบวนการนี้เอง พร้อมแฉว่าผู้เสียหายมีมากกว่าคดีทองแม่ตั๊กเสียอีก ใครโดนยิงโฆษณารับสอนเปิดเพจ สอนยิงโฆษณาแบบจับมือทำ 98 บาท หลังจากนั้นใครเข้าไปเรียน สุดท้ายพอเข้าไปเรียนก็ได้เรียนนิดๆ หน่อยๆ จากนั้นจะถูกชักชวนให้ขายคอร์ส ขายสินค้า ซึ่งสินค้าก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครซื้อ แต่ได้ความน่าเชื่อถือ เพราะมีดาราดังๆ หลายคนเป็นพรีเซ็นเตอร์

พร้อมกับบอกว่า ผู้เสียหายของตนมาเล่าให้ฟังว่าเปิดบิล 1 ล้านบาท อีกคน 2.2 ล้านบาท อีกคู่หนึ่งเป็นสามีภรรยากัน มีเงินเก็บคนละ 2 แสนกว่าบาท ลงไปทั้งคู่ เงินจมเลย สินค้าขายไม่ได้ ต้องกินเองใช้เอง แต่ยังเปิดคอร์สเรียนทุกวัน เพราะต้องการหาดาวน์ไลน์ ซึ่งเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน คุณดนัยเคยออกมาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวเรื่องนี้ และจนถึงตอนนี้ที่เป็นกระแสดราม่าประเด็นนี้อีก จึงทำคลิปขึ้นมาเล่าให้ฟังโดยเฉพาะออกมาโต้ กลุ่มเซฟบอส


สำหรับดราม่าร้อนระอุโซเชียล กรณีธุรกิจขายของออนไลน์บริษัทดัง ซึ่งเป็นธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เช่น กาแฟ คอลลาเจน และวิตามิน โดยธุรกิจดังกล่าวถูกจับตาในโลกออนไลน์อย่างมากในเรื่องการขาย สตอกสินค้า และถูกโยงไปถึงข่าวต่างๆ มากมาย โดยในเพจดังออกมาเปิดหน้าตานักแสดงที่มีตำแหน่งใหญ่ในบริษัท และยังเปิดของการันตีความสำเร็จเมื่อเปิดบิลครบ 45,000 บาท อาจจะได้ไปล่องเรือยอร์ชพร้อมทอง หรือได้รถหรู และจะมีการโพสต์ภาพของคนที่อ้างว่าประสบความสำเร็จจากธุรกิจนี้ ซื้อบ้าน ซื้อรถด้วยเงิน แต่เมื่อสอบถามอีกด้านเป็นการให้รถไปยืมใช้ พอขายได้ ยอดตก ก็จะริบรถคืน

นอกจากนี้ยังมีภาพการประชุมของผู้บริหารที่มีดาราคุ้นหน้าคุ้นตานั่งร่วมโต๊ะ และคอร์สที่สอนออนไลน์ยังได้รับความนิยมถึงขนาดที่มีพระสงฆ์ไปนั่งเรียนด้วย นอกจากนี้จะมีการสอนบทให้ดาวน์ไลน์ไปเชิญชวนคนอื่นๆ มาสมัครต่อ เป็นสร้างฐานดาวน์ไลน์แบบดาวกระจาย ยิ่งมากเท่าไรยิ่งดี จนทำให้มีคนหลงเชื่อและตกเป็นผู้เสียหายหลายราย

วานนี้ (9 ต.ค.) ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ นำนางวิภารัตน์ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย มาเผยเรื่องราวที่ถูกหลอกลงทุนสูญเงิน 500,000 บาท จากบริษัทธุรกิจออนไลน์แห่งนี้ว่า ตนเองเริ่มเข้าเครือข่ายช่วงที่โควิดมาใหม่ๆ ในปี 2563 ไม่มีรายได้ จู่ๆ มีแม่ทีมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทดังกล่าวขอเพิ่มเพื่อนในเฟซบุ๊ก ตอนแรกสังสัยว่าเป็นใคร เพราะรูปโปรไฟล์มีการถ่ายรูปคู่กับสินค้าเรียงเต็มอยู่ข้างหลัง


แม่ทีมคนนี้มีคำแนะนำให้ตนเข้าเป็นลูกทีม เมื่อฟังก็รู้สึกเชื่อถือและคิดว่าเป็นของแปลกใหม่ เป็นธุรกิจที่สามารถทำเงินได้ดี จึงสมัครจ่าย 2,500 บาท พอสมัครเสร็จแล้วมีการเข้าไปพบกับบุคคลที่เรียกกันว่า “บอส” และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสินค้า พร้อมพูดถึงประวัติความเป็นมาของตัว “บอส” เอง ยิ่งทำให้น่าเชื่อถือ จึงจ่ายอีก 25,000 บาท เป็นการเพิ่มดีกรีให้ตัวเอง เป็นอีกขั้นหนึ่งของตัวเเทนจำหน่าย และเสียค่าไปเที่ยวกับบริษัทเหมือนการสัมมนาอีก 25,000 บาท รวมทั้งหมดวันนั้นจ่าย 50,000 บาท

ระหว่างที่ตนเองเป็นเครือข่ายก็มีพบเจอกับดาราบ้าง แต่ว่าเข้ามาในลักษณะของพรีเซ็นเตอร์ในการเชิญชวนซื้อสินค้าต่างๆ ของบริษัท จนทำมาประมาณ 5-6 เดือน เริ่มที่จะขายไม่ได้ จึงปรึกษากับแม่ทีมก็ได้คำตอบว่าให้ยิงโฆษณาเพิ่ม และชักชวนคนเข้ามาเป็นเครือข่ายเพิ่มเติมอีก แต่กลับไม่ได้มีการแนะนำวิธีการขายสินค้าเพิ่มเลย จึงมองว่าไม่คุ้มค่ากับที่ลงทุนไปสูญเงินรวมไปกว่า 500,000 บาท

“บอสพอล” โพสต์ปมธุรกิจ ลั่นไม่หนีพร้อม “มอบตัว”
บอสพอล ผู้บริหารบริษัทดังกล่าว ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า สวัสดีทุกท่านครับ ผมขอเรียนชี้แจงผ่านทางช่องทางนี้นะครับ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจขายปลีก-ขายส่งผ่านระบบตัวแทนภายใต้มาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า…ผมดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูล ปรากฏมีหลายเคสตามที่เกิดดราม่าที่ออกมาต่อว่าด่าทอบริษัท กลับไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของผมแบบที่กล่าวอ้างเลย อันนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุดที่ผมเองไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยครับ และยังคงสงสัยอยู่ว่าถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แล้วทำไมถึงไม่มีใครในองค์กรรู้มาก่อนบ้างเลย

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมคงรู้สึกเสียใจมากและอยากที่จะช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ที่สูญเสียอย่างเต็มที่ครับ ขอเพียงท่านติดต่อกลับมาที่บริษัท ส่วนที่ถามว่าทำไมผมถึงยังไม่ออกมาพูดอะไร ผมขอตอบตรงๆ ว่าเมื่อไตร่ตรองโดยสติแล้ว ผมคิดว่า…ไม่ว่าจะตอบอะไรออกมาในช่วงที่กระแสสังคมเปรียบเหมือนน้ำเชี่ยวจากการรับข้อมูล “ทางเดียว” ในตอนนี้ยิ่งจะเป็นการทำให้สถานการณ์ที่หนักอยู่แล้วหนักยิ่งขึ้น

ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการ เพราะผมเชื่อว่า…เราต่างเป็นสุจริตชนที่อยู่ภายใต้ “กฎหมาย” ไม่ใช่การใช้ “กฎหมู่” หรือกระแสสังคม ในการทำลายกัน ผมพร้อมจะเข้าไปแสดงตัว “มอบตัวกับตำรวจ” ตามที่ตำรวจจะแจ้งให้ทราบทุกเมื่อ ผมรอพิสูจน์ความจริงอยู่ตรงนี้ ไม่หนีไปไหนแน่นอนครับ!!!”

เปิดของแถมยั่วใจ “ขายตรงดัง” การันตีความสำเร็จ
ขณะที่แฟนเพจชื่อดังอย่าง “อีซ้อขยี้ข่าว” ออกมาระบุถึงเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า “ของแถมยั่วยวนใจ ขายฝันการันตีความสำเร็จ หุ้นส่วนเป็นดาราดัง เป็นใครๆ ก็หลง เปิดบิลครบ 45,000 บาท ได้ทริปเรือยอร์ชพร้อมทอง มากสุดได้รถ BMW เลยทีเดียว เขาบอกห้ามโพสต์ลงโซเชียล

แฉโมเดลธุรกิจขายตรงบังหน้า
ดูโมเดลธุรกิจสุดคลาสสิกที่อาศัยคำว่า “ธุรกิจขายตรง” บังหน้า ผ่านถ้อยคำชวนฝันให้หลงเชื่อว่าจะรวยอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นเดียวกับโมเดลการทำธุรกิจ บริษัทเครือข่ายยักษ์ใหญ่ชื่อดัง เริ่มต้นจากการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูน่าเชื่อถือ นำคนดัง ดารานักแสดงมากหน้าหลายตา ออกรายการ ยิงโฆษณา เชิญชวนขายคอร์สราคาไม่แพง ไม่ถึงร้อยก็เรียนได้ ขายฝันว่าสามารถพลิกชีวิต พอเหยื่อตกลงมาสมัครเรียนก็สอนความรู้พื้นฐานทั่วไปที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ปิดท้ายด้วยการ “เปิดบิล” ให้สตอกสินค้า หากใครไม่มีทุนก็ขายฝันต่างๆ นานา ให้ไปยืม แม้แต่ไปกู้เพื่อมาลงทุนกับเรา

ข้อมูลจากสมาคมการขายตรงไทย-TDSA ให้คำอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างธุรกิจขายตรงกับแชร์ลูกโซ่มีหลายข้อ แต่หลักๆ “ธุรกิจขายตรงที่ดี” จะสร้างความยั่งยืนให้กับนักขายและลูกค้า แต่ “แชร์ลูกโซ่” กลับมักสร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภค ซึ่งใครที่จะตัดสินใจเข้าร่วมต้องศึกษาโมเดลธุรกิจให้ถ่องแท้ เพื่อไม่ให้พลาดตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ โดยลักษณะของธุรกิจขายตรง ค่าสมัครเหมาะสมและอาจมีเอกสารหรือสินค้าตัวอย่าง มีการรับประกันสินค้าและรับซื้อคืนเมื่อนักขายตรงต้องการลาออก ไม่มีนโยบายกักตุนสินค้าจำนวนมากๆ แผนการจ่ายผลตอบแทนเป็นไปได้จริง รายได้หลักต้องมาจากการขายสินค้าไม่ใช่การระดมเงินทุน

ขณะเดียวกันลักษณะของแชร์ลูกโซ่ ค่าสมัครสูง เป็นการระดมทุน เน้นการกักตุนสินค้า สินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่รับประกันและไม่รับคืนสินค้า รายได้หลักมาจากการระดมทุนหรือใช้เงินซื้อตำแหน่ง เป็นธุรกิจระยะสั้น บริษัทไม่มีความมั่นคง

ปคบ.เร่งตรวจสอบโมเดลธุรกิจบริษัทดัง
พันตำรวจเอก อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้รับทราบกระแสข่าวทางโซเชีลยมีเดียว่ามีผู้ที่ได้รับความเสียหายจำนวนมากจากการร่วมธุรกิจเครือข่ายชื่อดังยักษ์ใหญ่ที่มีดาราแถวหน้าของเมืองไทยเป็นผู้บริหารแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบพฤติการณ์โมเดลธุรกิจดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดที่เกี่ยวข้องกับ บก.ปคบ. หรือไม่ โดยขอตรวจสอบรายละเอียดการทำธุรกิจก่อน อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีผู้เสียหายรายใดเข้าแจ้งความ

ขณะที่พลตำรวจโท นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังจับตาประเด็นดังกล่าวอยู่ หากมีผู้เสียหายประสงค์จะแจ้งความร้องทุกข์คดีที่เกี่ยวข้องกับการขายตรงลักษณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมรับดำเนินการ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ บทลงโทษของการชักชวนคนมาลงทุนแล้วไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ถือว่าเป็นความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี และปรับ 50,000-1,000,000 บาท และมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่วันนี้ (10 ต.ค.) เวลา 10.00 น. ทนายเดชาจะพาผู้เสียหาย 40 คน ไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เกี่ยวกับคดีของบริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องสงสัยว่ากลายพันธุ์จากบริษัทขายตรงแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรง และอาจผิดตามข้อหากู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย