ก.ตร.ยัน “บิ๊กโจ๊ก” ยังมีสิทธิ์เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. แม้ถูกดำเนินคดีอาญา

กรุงเทพฯ 3 เม.ย. – ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ชี้ “บิ๊กโจ๊ก” ถูกดำเนินคดีอาญา ยังไม่เป็นข้อจำกัดสิทธิ์ ลุ้นชิง ผบ.ตร. กฎหมายให้อำนาจนายกฯ ใช้ดุลยพินิจได้


จากกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เข้ารับทราบข้อกล่าวหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน และได้รับการประกันตัว เมื่อเย็นวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ต่อมามีกระแสข่าวว่าจะมีการพิจารณาดำเนินการทางวินัยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หรือไม่นั้น

ล่าสุด พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิให้ความเห็นกรณีดังกล่าวว่า มีประเด็นที่จะต้องดำเนินการควบคู่ไป 2 เรื่อง คือ 1.การดำเนินคดี ล่าสุดพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน เรื่องคดีจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนในชั้นพนักงานสอบสวนจะมีการสรุปการสอบสวนและเสนอสำนวนการสอบสวนโดยมีความเห็นว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องไปยังอัยการ หากอัยการสั่งฟ้องก็จะส่งต่อไปที่ศาล หากสั่งไม่ฟ้องจะต้องส่งสำนวนกลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อมีความเห็น ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นแย้งไม่เห็นด้วยกับอัยการที่สั่งไม่ฟ้อง ก็ต้องส่งไปให้อัยการสูงสุดเพื่อสั่งวินิจฉัยชี้ขาด


พล.ต.อ.เอก ระบุว่า หากชี้ขาดประการใดก็ยุติไปตามนั้น หากเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเมื่อมีการฟ้องร้องต่อศาลจะเป็นไปตามกระบวนกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติไว้ ก็ไปดำเนินการในเรื่องของการพิจารณาในชั้นศาล จนศาลมีคำพิพากษาตัดสิน จะศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริงของการตัดสินแต่ละศาล ซึ่งเป็นเรื่องที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ตามกรอบระยะเวลาซึ่งจะใช้เวลาพอสมควรในการพิจารณาคดีนี้

พล.ต.อ.เอก กล่าวอีกว่า อีกส่วนหนึ่งกรณีข้าราชการต้องหาคดีอาญาจะต้องมีการรายงานโดยตัวผู้ถูกกล่าวหาคือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะต้องรายงานต่อผู้บังคับบัญชาคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงแม้ในขณะนี้จะไปช่วยราชการอยู่ แต่มีรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ เพื่อจะให้มีการพิจารณาดำเนินการทางวินัย ซึ่งรายงานดังกล่าวจะประกอบกับรายงานส่วนที่พนักงานสอบสวนที่รับเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ามอบตัวได้รายงานพฤติกรรมเกี่ยวกับคดี ส่งมาให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาในการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง หรือตั้งกรรมการพิจารณาทัณฑ์ทางวินัย ก็อยู่ในดุลยพินิจหรือในอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาทัณฑ์ทางวินัย คณะกรรมการที่ดำเนินการสามารถมีความเห็นว่าผิดหรือไม่ผิด จะเป็นวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง หากวินัยร้ายแรงสามารถเสนอความเห็นให้มีการลงโทษ จะไล่ออก ปลดออก เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่มีการสอบสวน เรื่องวินัยเป็นกระบวนการที่แยกออกมา และสามารถสรุปความผิดทางวินัยได้โดยไม่ต้องรอผลทางคดีอาญา ซึ่งมีกรอบเวลาในการพิจารณา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนหรือจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย คาดว่าขั้นตอนการดำเนินการทางวินัยจะรวบรัดได้เร็วว่าการดำเนินการในส่วนของคดีอาญา เพราะว่ากระบวนการในการพิจารณาชั่งน้ำหนัก พยานหลักฐาน ไม่เหมือนคดีอาญาเวลาที่จะกล่าวหากล่าวโทษใครว่าต้องคดีอาญาที่มีโทษจำคุกจะต้องดูพยานหลักฐานให้ชัดเจนถ้ายังไม่ตัดสิน การถูกกล่าวหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ มีกฎหมายรัฐธรรมนูญรองรับ ส่วนทางวินัยการสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ แม้ว่าจะไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนจนฟังว่ากระทำความผิดวินัยร้ายแรงถึงลงโทษให้ไล่ออก ปลดออก แต่คณะกรรมการหรือผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าการกระทำทั้งหมดมีมลทินมัวหมอง หากอยู่ไปก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายอาจมีความเห็นให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้


เมื่อถามถึงกระบวนการพิจารณาพักราชการให้ออกจากราชการ รักษาราชการแทนสามารถดำเนินการได้หรือไม่ พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า เป็นอำนาจของรักษาการ แต่ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็น ผบ.ตร.อำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรี แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นรอง ผบ.ตร. ผู้บังคับบัญชาคือคนที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนี้คือรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

เมื่อถามถึงประเด็นการถูกดำเนินคดีอาญาจะส่งผลต่อการมีชื่อเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนต่อไปหรือไม่ พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ประเด็นนี้จริง ๆ แล้ว ข้อมูลทั้งหลายมีกระบวนการดำเนินการทั้งทางคดีอาญาและทางวินัย คงต้องมีระยะเวลาในการดำเนินการ หากถามว่าจะเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายเหมือนอย่างที่มีข้อสันนิษฐานหรือมีคนสงสัยมาตลอดว่าการดำเนินคดีอาญาเป็นเรื่องของการเตะตัดขา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผมขอบอกว่ากระบวนการแต่งตั้งผบ.ตร. เริ่มขึ้นประมาณเดือน ต.ค.67 ซึ่งส่วนนี้กฎหมายให้อำนาจนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีสามารถใช้ดุลยพินิจพิจารณารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นแคนดิเดต 4 คน รวมถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ด้วย

เมื่อถามว่าขณะนี้ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อาจถูกตั้งกรรมการและถูกดำเนินคดีอาญาจะเป็นข้อจำกัดสิทธิ์หรือไม่ พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ขอยืนยันว่ายังไม่เป็นข้อจำกัดสิทธิ์ เพราะนายกรัฐมนตรีสามารถเสนอชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ ภายใต้กรอบกฎหมายที่กำหนดไว้ ทั้งอาวุโส ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ในการสืบสวนสอบสวน และเรื่องความประพฤติ ก็จะมีประเด็นที่สังคมมีคำถามว่าต้องหาคดีอาญาหรือโดนตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยจะมีความเกี่ยวข้องเป็นข้อพิจารณาได้หรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ แล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาและเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้ความเห็นชอบซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ นายกรัฐมนตรีมีสิทธิ์สามารถเสนอได้ ส่วนข้อจำกัดตามที่กล่าวอ้าง หรือมีประเด็นที่สอบถามกันจะต้องแล้วแต่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา. -419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”