ศูนย์ราชการฯ 30 เม.ย.-“จิราพร” เปิดงานวันคุ้มครองผู้บริโภคไทย 2568 ยืนยันผู้บริโภคต้องได้รับการคุ้มครองอย่างยุติธรรม รัฐต้องเป็นที่พึ่งในยามเดือดร้อน ชี้ ปีที่ผ่านมา สคบ. มีผลงานเป็นรูปธรรม ไกล่เกลี่ยเรื่องร้องทุกข์-ปราบบุหรี่ไฟฟ้า
นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย 2568 ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ โดยปีนี้ครบรอบปีที่ 46 ซึ่งมีการจัดกิจกรรมพร้อมกันทั่วประเทศ
นางสาวจิราพร กล่าวว่า ถือเป็นวาระสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลและทุกภาคส่วน ยังยึดมั่นในหลักการ ว่าผู้บริโภคต้องได้รับการคุ้มครองอย่างแท้จริง และไม่ควรมีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะในช่วงที่ระบบเศรษฐกิจและสังคมมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รูปแบบของการประกอบธุรกิจมีพลวัตที่สูงขึ้น นอกจากจะสร้างโอกาสใหม่ๆ แล้ว ก็ยังสร้างความเสี่ยงใหม่ๆ มาพร้อมกัน เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้มีรายได้น้อย มักตกเป็นเหยื่อในการถูกหลอกลวงอย่างง่าย ภารกิจของ สคบ.จึงไม่ใช่เพียงบังคับใช้กฎหมายตามหน้าที่ แต่คือการสร้างหลักประกันแห่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เพื่อให้ประชาชนทุกคน มีพื้นที่ยืนอย่างมั่นคงในสังคมของการบริโภค
นางสาวจิราพร กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2522 จนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษ ที่ สคบ.ได้ขับเคลื่อนการคุ้มครองผู้บริโภคจากการใช้สินค้าและบริการ โดยเฉพาะช่วงปีที่ผ่านมา มีบทบาทอย่างยิ่งในการพิทักษ์สิทธิ์ของประชาชน ทั้งที่เป็นภารกิจโดยตรงและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูแลผู้บริโภคอย่างจริงจังและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยเรื่องร้องทุกข์ ช่วยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง ที่ผ่านมาได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้บริโภคและประชาชน จากกรณีธุรกิจที่หลอกลวงประชาชนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ สามารถที่จะช่วยจำกัดความเสียหายได้ทันท่วงที
นางสาวจิราพร กล่าวถึง การปราบปรามการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี สคบ. เป็นหน่วยงานกลางในการทำงานบูรณาการกับ 22 หน่วยงาน โดยร่วมมือปิดกั้นลักลอบการนำเข้าตามแนวชายแดนและจับกุมร้านค้าที่ขายผิดกฎหมาย รวมถึงร้านค้าออนไลน์ และมีการสร้างการรับรู้ในสื่อสาธารณะโดยเฉพาะในสถานศึกษา ถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าในการรณรงค์ร่วมกัน ซึ่งผลงานที่ผ่านมา เป็นที่น่าพึงพอใจ โดยสามารถใช้ระยะเวลา 30 วัน ในการปราบปราม โดยได้ยอดมากกว่าตลอดทั้งปี 2567
“ประชาชนต้องมาก่อน กลุ่มผู้เปราะบางต้องได้รับการคุ้มครอง ความยุติธรรมต้องเข้าถึงง่ายกว่าความอยุติธรรม ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานดูแลผู้บริโภคด้วยความภาคภูมิใจ ในการสร้างหลักประกันให้ประชาชนมั่นใจว่า ในวันที่ประชาชนเดือดร้อน ต้องการที่พึ่ง สังคมและรัฐจะไม่มีวันละทิ้งประชาชน ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าหน่วยงานรัฐภาคสังคม เดินหน้าอย่างมุ่งมั่นร่วมกันจะสร้างสังคมไทยให้เป็น สังคมแห่งการบริโภคที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง” นางสาวจิราพร กล่าว
ทั้งนี้ นางสาวจิราพร ได้ปล่อย คาราวานคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ป้องกันและสร้างความตระหนักให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจมิให้ละเมิดสิทธิ์ผู้บริโภค โดยให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ประกอบธุรกิจทั้ง 4 ภาคใน 4 มิติ ได้แก่ การคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก ด้านโฆษณา ด้านสัญญา และด้านธุรกิจขายตรง รวมทั้งรณรงค์และสร้างความตระหนักในการปกป้องสิทธิ์ผู้บริโภค.-315.-สำนักข่าวไทย