กรุงเทพฯ 22 ก.พ.- รมว.เกษตรฯ สั่งที่ปรึกษากฎหมาย แจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. โคราช ที่ออก ส.ป.ก. 4-01 พื้นที่ทับซ้อนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ทำเป็นขบวนการ พร้อมให้เลขา ส.ป.ก. ใช้กรณีนี้เป็นบรรทัดฐาน ตรวจสอบการออก ส.ป.ก. 4-01 ทั่วประเทศ
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า มอบหมายให้นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าแจ้งความต่อพล.ต.ต.จรูญเกรียติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการสอบสวนกลางเพื่อให้ดำเนินคดีกับข้าราชการสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินหรือส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่ทับซ้อนกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
จากการตรวจสอบย้อนหลัง พบความผิดปกติในการออกส.ป.ก. 4-01 โดยเริ่มรังวัดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา จากนั้นเร่งรัดกระบวนการ แล้วออกเอกสารส.ป.ก. 4-01 ในเดือนพฤศจิกายนซึ่งตามระเบียบกำหนดระยะเวลาแต่ละขั้นตอนไว้ซึ่งจะนานกว่านี้ นอกจากนั้นยังพบว่า ทำเป็นขบวนการ โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้บางคนซึ่งพนักงานสอบสวนจะขยายผลต่อไป
การกระทำดังกล่าว เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกทั้งพนักงานสอบสวนอาจจะพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับผลประโยชน์ด้วย ส่วนความผิดทางวินัย พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นความประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงซึ่งจะต้องลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง
ขณะนี้ได้สั่งการให้นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพิกถอนส.ป.ก. 4-01 จำนวน 5 แปลงที่ออกในพื้นที่บ้านเหวปลากั้ง ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาแล้ว ส่วนผู้ครอบครองที่ดินนับว่า สิ้นสิทธิ์การรับการจัดสรรที่ดินทำกิน หากพบว่า ไม่ใช่เกษตรกรและมีส่วนร่วมในขบวนการออกส.ป.ก. 4-01 โดยมิชอบ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
ร้อยเอกธรรมนัสย้ำว่า จากนี้ไปจะ set zero การออกส.ป.ก. 4-01 โดยมิชอบ เลขาธิการส.ป.ก. จะตรวจสอบพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินที่เป็นรอยต่อกับป่าอนุรักษ์ หากพบออกส.ป.ก. ในพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์หรือพื้นที่ที่มีสภาพป่า จะเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ที่ดิน แล้วพิจารณาว่า เกิดจากความคลาดเคลื่อนของแผนที่หรือเกิดจากเจตนาทุจริต โดยหากเจตนาทุจริตจะถูกดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัยลักษณะเดียวกันนี้
สำหรับผู้ครอบครองที่ดินที่ออกส.ป.ก. 4-01 หากเป็นเกษตรกร จะจัดสรรที่ดินให้ใหม่ แต่หากไม่ใช่ ต้องสิ้นสิทธิ์ได้รับการจัดสรรที่ดินและอาจถูกดำเนินคดีด้วย
กรณีที่เกิดขึ้นที่ตำบลหมูสี จะเป็นบรรทัดฐานในการออกส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่รอยต่อของเขตปฏิรูปที่ดินและป่าอนุรักษ์ แม้ในเขตปฏิรูปที่ดิน หากยังคงสภาพป่า จะต้องไม่จัดสรรให้ทำการเกษตร จะนั่งขึ้นรูปแปลงและออกส.ป.ก. 4-01 ไม่ได้ ต้องไปตรวจสอบด้วย พื้นที่ที่มีสภาพป่าต้องจัดทำเป็นป่าชุมชนเพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์ ควบคู่กับสงวนรักษาพื้นที่ป่าไว้เนื่องจากป่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ พื้นที่ป่าที่น้อยลงส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำเกษตรกรรมในที่สุด ดังนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบายส่งเสริมการรักษาป่าอย่างชัดเจน.- 512 – สำนักข่าวไทย