10 ธ.ค. – อัยการจังหวัดตาก และอธิบดีอัยการภาค 6 เผยคดีเจ้าของร้านทอง จ.ตาก ใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มคนร้ายที่บุกเข้ามาปล้นร้านทองเสียชีวิต 1 ราย เมื่อปีที่ผ่านมา มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเจ้าของร้านทอง กฎหมายคุ้มครองสุจริตชนป้องกันตัวโดยสมควรแก่เหตุ
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี หรือ สคช. ย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมปีที่ผ่านมาว่า เกิดเหตุคนร้าย 4 คน บุกปล้นร้านทองที่ จ.ตาก โดยคนร้ายใช้ปืนยิงใส่ร้านและเครื่องมือตัดเหล็กเข้าไป
เมื่อเข้ามาในร้านทอง 2 ใน 4 คนร้ายชักอาวุธปืนออกมาคุมเชิง คนร้ายที่เหลือใช้เลื่อยตัดโครงเหล็กที่ครอบตู้ทอง ระหว่างนั้นเจ้าของร้านใช้อาวุธปืนลูกซองยิงขึ้นฟ้า ทำให้คนร้ายทั้ง 4 คน วิ่งหนีออกจากร้านไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้าน โดย 2 คนแรกสตาร์ทรถและขี่ออกไป ส่วนอีก 2 คน รถจักรยานยนต์สตาร์ทไม่ติด และ 1 ใน 2 ได้ยิงปืนมาทางร้านทอง ก่อนวิ่งหนีไป ทำให้คนร้ายที่พยายามสตาร์ทรถถูกเจ้าของร้านซึ่งยิงปืนสวนออกมา กระสุนโดนคนร้ายรายดังกล่าวเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตามจับคนร้ายที่วิ่งหลบหนีได้ในที่สุด ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ยังจับกุมตัวไม่ได้
คดีนี้อัยการจังหวัดตากและอธิบดีอัยการภาค 6 มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเจ้าของร้านทอง เพราะเห็นว่าเป็นการใช้กฎหมายในการคุ้มครองประชาชน เจ้าของร้านทองที่ป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของตนพอสมควรแก่เหตุ เนื่องจากภยันตรายยังไม่ผ่านพ้นไป ย่อมเป็นคดีตัวอย่างให้เห็นถึงหลักประกันของความยุติธรรม เรามองเห็นปัญหาสำคัญสำหรับประชาชน สุจริตชน ที่ไม่รู้กฎหมาย ย่อมอาจไม่เข้าใจถึงขอบเขตของการป้องกันตนว่าควรป้องกันอย่างไรตามที่กฎหมายบัญญัติจึงจะถือว่าไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย
ย้ำว่าการป้องกันสมควรแก่เหตุไม่ผิดกฎหมาย และหลายเหตุการณ์มีการป้องกันตนเกินสมควรกว่าเหตุจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอาญา ซึ่งเวลาถูกยื่นฟ้องมักจะถูกฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่น และไม่ปรากฏว่ามีการบรรยายฟ้องไปถึงการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย