สำนักข่าวไทย 5 มิ.ย.- ปธ.UHOSNET รับสถานการณ์บุคลากรลาออกจากระบบราชการเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่วิชาชีพแพทย์ แต่รวมถึงเภสัชฯ พยาบาล ชี้มาจาก 3 ปัจจัย ภาระงานหนัก คนรุ่นใหม่ทัศนคติเปลี่ยน และภาคเอกชนเปิดรับ ทำให้คนแห่ออกจากระบบ อีกทั้งงบในกองทุนหลักประกันสุขภาพไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้ รพ.บริหารตัวแดงขาดทุน ส่งผลระบบใน รพ.ไม่ได้รับการพัฒนา
รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผอ.รพ.รามาธิบดี และในฐานะประธานคณะกรรมการโรงพยาบาลในกลุ่มสถาบันแพทย์แห่งประเทศไทย (UHOSNET) ยอมรับสถานการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์ลาออกจากระบบราชการเป็นเรื่องจริง และไม่ได้เป็นแค่วิชาชีพแพทย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงพยาบาลและเภสัชกร ก็มีการลาออกเช่นกัน โดยพบมากในบุคลากรที่ทำงานในระบบราชการในต่างจังหวัด ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมานาน ปัญหาเริ่มสะท้อนชัดเจนมากขึ้นจาก 3 ปัจจัยได้แก่ 1. ภาระงานที่มากขึ้น 2. ทัศนคติของบุคลากรรุ่นใหม่เปลี่ยนไป ทั้งเรื่องค่าตอบแทน ค่าครองชีพที่อาจไม่สอดคล้องกับในสภาวการณ์ปัจจุบัน โอกาสการศึกษาต่อเพื่อพัฒนา รวมถึงการฟ้องร้อง เพราะรักษาคนไข้ในปัจจุบันก็ไม่เหมือนในอดีต และ 3. หลังสถานการณ์โควิด ความต้องการบุคลากรในภาคเอกชนหรือต่างประเทศมีมากขึ้น ทำให้ส่วนนี้คนจึงออกนอกระบบ
รศ.นพ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเรื่องบุคลากรลาออก เคยมีการหารือมาแล้วเมื่อต้นปี 2566 ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข แต่เรื่องเหล่านี้ยังต้องมีการหารือกันบ่อยครั้ง และอีกส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือ ในการบริหารจัดการงบประมาณในกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำให้ภาระการทำงานของแพทย์เพิ่มมากขึ้น ขณะที่เงินบำรุงลดลง ส่งผลให้รพ.หลายแห่งบริหารงบประมาณด้วยสภาพตัวแดง ขาดทุน เนื่องจากงบประมาณที่ได้รับไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่เพียงพอเพื่อพัฒนาระบบ ทั้งนี้ รพ.หลายแห่ง ยังเป็นระบบ manual งานบางประเภท หรือบางอย่างควรนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ระบบสารสนเทศภายใน รพ. การใช้หุ่นยนต์จัดยา เพื่อลดต้นทุน .-สำนักข่าวไทย