21 เม.ย. – คดีสะเทือนขวัญ “จีจี้ สุพิชชา” เน็ตไอดอลชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิต พร้อมแฟนหนุ่มนักเรียนเตรียมทหาร ในคอนโดมิเนียมกลางกรุง เบื้องต้นจากการสืบสวนคาดว่าฝ่ายชายน่าจะเป็น “คนก่อเหตุ” แต่ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง รวมถึงปมสาเหตุในการจบชีวิตของทั้งคู่
หลังเมื่อวานนี้ (20 เม.ย.66) ครอบครัวรับศพ “จีจี้ สุพิชชา” ออกจากแผนกนิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี นำกลับประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดพระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้มีพิธีรดน้ำศพ หลังฉากบังตา ก่อนนำศพบรรจุในโลงสีขาว และเปิดฉากบังตาออก บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ส่วนกำหนดพิธีฌาปนกิจ วันที่ 25 เมษายนนี้
พ่อของจีจี้ บอกว่า พร้อมอโหสิกรรมให้กับผู้ก่อเหตุ แต่ตอนนี้ยังติดใจเรื่องอาวุธปืน ซึ่งหากพ่อของผู้ก่อเหตุรับแล้ว ก็คงจะต้องคุยกันอีกครั้งว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนตัวไม่คิดเรื่องเงิน แต่ลูกสาวเองก็มีรายได้พอสมควร การเยียวยาจึงต้องสมเหตุผล
แม่ของแฟนหนุ่ม “จีจี้” เตรียมแถลงรายละเอียด
ส่วนร่างของ “อิคคิว” แฟนหนุ่มของจีจี้ เมื่อวานนี้ ทางญาติไม่ได้ไปรับ แต่มอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิเป็นตัวแทนคลื่อนย้ายร่างออกจากโรงพยาบาล นำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพ บอกว่าขอความเป็นส่วนตัวเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น
บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีพีธีสวดพระอภิธรรม ช่วงเย็นๆ มีเพียงญาติที่ใกล้ชิดนั่งฟังสวดอภิธรรม ส่วนประเด็นสาเหตุในการก่อเหตุ หรือการคบหากันของทั้งคู่ ยังไม่มีใครให้ข้อมูล ซึ่งทางครอบครัวยังตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่ของอิคคิว บอกว่าจะให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวเมื่อพร้อม ซึ่งมีรายงานว่าน่าจะเป็นช่วงเย็นวันนี้
เร่งรวบรวมหลักฐาน เบื้องต้นพบฝ่ายชายก่อเหตุ
ด้านคดี ตอนนี้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวนใหม่ เนื่องจากทั้งคู่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และจากการดูทิศทางกระสุน คาดว่าฝ่ายชายน่าจะเป็น “คนก่อเหตุ” ส่วนเรื่องปืนที่ก่อเหตุ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าจากการตรวจสอบ เป็นปืนมีทะเบียน และเป็นของพ่อฝ่ายชาย
ตำรวจยืนยันคดีจีจี้ ไม่มีการตายทิพย์
จากกรณีโลกออนไลน์ตั้งข้อสงสัยคดีการเสียชีวิตของเน็ตไอดอลสาว “จีจี้” และนักเรียนเตรียมทหาร ภายในคอนโดหรูย่านอโศก ว่าฝ่ายชายเสียชีวิตจริงหรือไม่
พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 หนึ่งในตำรวจที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ยืนยันว่า คดีนี้ไม่มีการให้การช่วยเหลือ หรือกระทำการอำพราง เหตุการณ์ใดๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิต ยืนยันว่าฝ่ายชายเสียชีวิตจริง และมีการตรวจตามขั้นตอนตามกฎหมาย โดยมีพนักงานสอบสวน จนท.กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชของ รพ.รามาฯ ตรวจสอบลักษณะบาดแผลของทั้ง 2 ศพ รวมถึงแนววิถีในเบื้องต้น ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการนำศพของฝ่ายหญิงออกจากที่เกิดเหตุก่อน และลำเลียงศพฝ่ายชายออกตามไป ซึ่งในขั้นตอนเหล่านี้มีพ่อแม่และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนรับทราบ หากมีการกระทำการผิดขั้นตอนก็จะถูกทักท้วงจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน
ขณะที่บ่ายนี้จะเรียกประชุมคณะตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนในคดีอีกครั้ง จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีบุคคลที่ 3 เข้าไปหรือออกมาจากห้องเกิดเหตุ ส่วนการสอบปากคำพยาน ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิงเรียบร้อยแล้ว แต่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตฝ่ายชายยังไม่สะดวก ขอเลื่อนเข้าให้ปากคำเป็นช่วงหลังจากประกอบพิธีทางศาสนาของบุตรชายเรียบร้อยแล้ว. -สำนักข่าวไทย