ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา 5 เม.ย. – นายกฯ ให้ความมั่นใจต่อภาคเอกชนต่างชาติ ยืนยัน โครงการ EEC จะเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีความต่อเนื่องและยั่งยืน พร้อมขอบคุณภาคเอกชนที่เชื่อม้นในศักยภาพของประเทศไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขอบคุณภาคเอกชน ที่เชื่อมั่นต่อศักยภาพของประเทศไทย และขอบคุณในความร่วมมือที่มีให้กับประเทศไทยมาโดยตลอด ในโอกาสที่ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเอกชนชั้นนำต่างชาติ ที่สนใจลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เข้าเยี่ยมคารวะ ณ ห้องรับรอง ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลมีเจตนารมย์อย่างมุ่งมั่น ที่จะทำให้พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เป็นการสร้างอนาคตของประเทศไทย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน โดยรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน ทั้งทางด้านกฎหมาย และสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาต้องเป็นไปอย่างสมดุลกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า โครงการ EEC จะเป็นประโยชน์อย่างสูงกับประเทศไทย ภูมิภาค CLMV รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลจะดูแลประชาชนโดยรอบให้ได้รับประโยชน์สูงสุด มีการเติบโตอย่างเข้มแข็ง มีรายได้ที่เพียงพอ นอกจากนี้รัฐบาลยังได้จัดหาบุคลากร พัฒนาด้านการศึกษา การผลิตคน เพื่อให้รองรับการเติบโตของ EEC ในอนาคต
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังให้ความมั่นใจว่า EEC จะเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีความต่อเนื่องและยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอให้ภาคเอกชนมีความไว้เนื้อเชื่อใจ สร้างประโยชน์ร่วมกัน และลดความหวาดระแวง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลยินดีเปิดรับภาคเอกชนทุกราย
โอกาสนี้ ภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็น และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก อาทิ บีเอ็มดับเบิ้ลยู (BMW) เห็นว่า EEC จะเป็นประโยชน์ด้านการขนส่งสินค้าแก่บริษัท และยืนยันความพร้อมในการทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ด้าน บริษัท ลาซาด้า (LAZADA) หวังให้รัฐบาลพัฒนาด้านบุคลากร เพื่อรองรับด้านดิจิทัลในอนาคต
ขณะที่ บริษัทโตโยต้า ยืนยัน มีแผนการลงทุนในไทยอย่างเต็มที่ โดยมีพื้นที่การผลิตหลักอยู่ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และขอให้รัฐบาลดูแลแสงสว่างของถนน และ บริษัท กูเกิ้ล (Google) และไมโครซอฟท์ (Microsoft) แสดงความคิดเห็นด้านนวัตกรรม และความสำคัญของการพัฒนาบุคลากร การลงทุนด้านการศึกษา โดยเฉพาะในด้านดิจิทัล .- สำนักข่าวไทย