กรุงเทพฯ 1 เม.ย.-นายกรัฐมนตรี วอนทุกฝ่ายรวมถึงเอ็นจีโอมองการพัฒนาพลังงานให้รอบด้านโดยเฉพาะเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดลดมลพิษ
สืบเนื่องจากปัญหาในสังคมไทยมีการถกเถียงคัดค้านเรื่องพลังงานมาอย่างยาวนาน
จนหลายโครงการสะดุด เช่น โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ล่าสุด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าว ในรายการ” ศาสตร์พระราชา
สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2560 โดยตอนหนึ่งกล่าวถึงเรื่อง พลังงานไฟฟ้า
“เทคโนโลยีถ่านหินเปลี่ยนแปลง NGO ควรมองข้อเท็จจริง”
เรื่องพลังงานไฟฟ้า
หากจะมีปัญหากับสิ่งแวดล้อม ก็ไปดูว่าเขาแก้ปัญหาเหล่านั้นได้หรือไม่ อย่างไร การนำข้อบกพร่องในอดีตมาเป็นบทเรียนในวันนี้
เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องติดตามด้วยว่า การดำเนินการแก้ปัญหาเหล่านั้น
ในทุกวันนี้เป็นอย่างไร
ยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคโนโลยีก็ก้าวไปข้างหน้า
สิ่งที่เป็นปัญหาในอดีต อาจไม่ใช่ปัญหาในปัจจุบัน
เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ จังหวัดลำปาง วันนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ชุมชนรอบๆ โรงไฟฟ้า ปัจจุบันปัญหาของเขาได้รับการแก้ไข
และได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่ามีไฟฟ้าใช้ เช่น
มีกองทุนเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน
ซึ่งผมอยากให้ลองไปติดตามแล้วคิดดูบ้างนะครับ
การที่บุคคลภายนอกทั้ง NGO และคนนอกชุมชน
มากดดันไม่ให้เกิดสิ่งต่างๆเหล่านั้น บางครั้งการค้านแบบหัวชนฝา อ้างแต่ปัญหาเดิมๆ
ความไม่ไว้วางใจ เอาเทคโนโลยีเดิมมาพูด โดยไม่รับฟังข้อมูลฝ่ายรัฐบ้าง
เมื่อเกิดความเสียหาย ประชาชนเสียผลประโยชน์ ประเทศชาติไม่มีความมั่นคงด้านพลังงาน
“ยก
ตัวอย่างไฟดับภาคเหนือ 29 มี.ค.60 ผลกระทบพลังงาน “
ตัวอย่างเห็นไหมครับ ไฟดับชั่วโมงกว่า
ในภาคเหนือ ในหลายวันที่ผ่านมา อันตรายมากนะครับ เราไม่สามารถจะเพิ่มกระแสไฟฟ้าจากภายนอกไปได้ทันเวลาและมากนัก
ฉะนั้นจำเป็นต้องมีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าในพื้นที่เป็นพลังงานสำรองที่จะทำให้ไฟไม่ดับ เป็นระบบสำรอง โครงการพัฒนาต่างๆ
เกิดขึ้นไม่ได้หรอกครับ ถ้าทุกคนยังไม่ช่วยกันคิด ไม่ช่วยกันทำ มันไม่เกิด
แล้วทุกคนก็ไม่รับผิดชอบ เพราะฉะนั้นก็ขอให้หาข้อมูลมาหักล้าง
หากข้อมูลของทางราชการไม่ถูกต้อง ไม่เป็นจริง เพียงแต่ว่าไม่ตรงใจท่าน
ท่านก็บอกว่ามันไม่ใช่ แบบนี้ไม่ถูกต้องนะครับ
ยืนยันรัฐบาลไม่เอื้อประโยชน์
“กลุ่มทุนพลังงาน”
ส่วนการกล่าวอ้างว่า
รัฐบาลนี้จะทำอะไรก็เพื่อเอื้อประโยชน์กับนายทุนนั้น ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐดีอยู่แล้ว ก็เป็นการประมูลตามกฎหมาย
ที่ต้องกำกับดูแลไม่ให้มีการทุจริต
ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการเอื้อประโยชน์
ถ้าเรายกทุกอย่างมาเป็นปัญหา
วันข้างหน้าเราคงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว
เพราะเป็นอุปสรรคไปหมด
แต่ก็อยากได้ อยากมี อยากแก้ปัญหา อยากพัฒนาเหมือนต่างประเทศ ที่เขาพัฒนากันทุกวัน ทำโน่นทำนี่
เราต้องดูว่าเขาไปถึงไหนกันบ้างแล้ว
แม้กระทั่งในอาเซียนด้วยกัน
เขามีของเก่าเหลืออยู่ เขาทำของใหม่เพิ่มขึ้น หรือพัฒนาของเดิมให้ดีขึ้น
โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
“ดังนั้น
ผมไม่อยากให้พูดแต่ปัญหาเพียงด้านเดียว แต่ควรกล่าวถึงผลดี
กล่าวถึงการพัฒนาประเทศควบคู่กันไปด้วย
จะได้ช่วยกันถ่วงน้ำหนัก หาจุดลงตัว หาทางออกให้ได้เสียที เห็นใจชาวบ้าน และประเทศชาติบ้าง” –สำนักข่าวไทย