กรุงเทพฯ 28 มี.ค. – เกียรตินาคิน เจาะลึกอสังหาฯ แนะเจาะตลาดบ้านเดี่ยวระดับกลางถึงบน คาดตลาดคอนโดระดับล่างแข่งขันระอุ เร่งระบายสตอก
นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าทีมวิจัยลูกค้าบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวในการเสวนาเจาะลึกอสังหาฯ ไทย ท่ามกลางไทยแลนด์ 4.0 ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัว ขยายตัวร้อยละ 3.2 ปัจจัยสนับสนุนมาจากการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐ แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีปัจจัยเสี่ยงคือการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศของภาคเอกชน และนโยบายการค้าของสหรัฐ
นางจิราภรณ์ ลินมณีโชติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดการเปิดตัวและการขายอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ คาดว่าโตร้อยละ 6-8 ส่วนหนึ่งมาจากแผนงานการเปิดตัวโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ 2 ราย คือ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และแสนสิริ ที่วางแผนการเปิดตัวโครงการน้อยลงในปีนี้ ในขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กอาจพบอุปสรรคในการหาเงินทุนเนื่องจากสภาวะความไม่มั่นใจในสภาพเครดิต ซึ่งคาดว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในอัตราที่สูงอยู่เช่นเดิมจากตัวเลขการขายและการเปิดตัวโครงการ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นสภาพการล้นตลาดอย่างชัดเจน และโครงการส่วนใหญ่ยังมีอายุโครงการไม่เกิน 4 ปี ซึ่งถือเป็นอายุโครงการตามปกติ แต่สินค้าคงเหลือ (สตอก) ของคอนโดมิเนียมมีอัตราเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะตลาดคอนโดที่มีมูลค่าต่ำกว่า 2 ล้านบาท ทางผู้ประกอบการต้องใช้กลยุทธ์ในการขาย ทั้งฟรีค่าโอน แถมเฟอร์นิเจอร์ มาช่วยระบายสตอกซึ่งมองว่าทำเล และความสามารถในการกู้เงินของผู้ซื้อเป็นตัวแปรที่สำคัญในการระบายสตอกของคอนโดมิเนียม โดยคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีสตอกคอนโดมิเนียมประมาณ 39,000 หน่วย
นายปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์จะยังคงชะลอตัว แต่ยังมีบางตลาดที่สามารถเติบโตได้ เช่น ตลาดบ้านเดี่ยวในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ ผู้ประกอบการจึงควรหันไปเน้นตลาดบ้านเดี่ยวกลุ่มลูกค้าระดับกลางและบนเนื่องจากยังมีกำลังซื้อ
อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยยังเผชิญความท้าทาย 4 ประการ คือ 1. ต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น 2. ต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างที่เริ่มมีทิศทางเพิ่มขึ้น 3. ราคาที่ดินยังคงอยู่สูงต่อเนื่อง และ 4. ราคาสินค้าเกษตรที่เริ่มเพิ่มขึ้นอาจทำให้แรงงานภาคก่อสร้างย้ายกลับไปภาคเกษตรมากขึ้น ทำให้ขาดแคลนแรงงานในภาคการก่อสร้าง ดังนั้นผู้ประกอบการควรทำการวิเคราะห์อุปสงค์และอุปทานในพื้นที่ที่จะทำโครงการเพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม วางแผนบริหารจัดการเงินสดเพื่อรักษาสภาพคล่อง ต้องจับกระแสโครงการภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย โครงการรถไฟรางคู่ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และจับกระแสเทคโนโลยี 4.0 เช่น การใช้เทคโนโลยี Smart Phone ในการสั่งงานต่าง ๆ ภายในบ้านและใช้บริการในโครงการ รวมทั้งจับกระแสสังคมสูงวัย กระแสรักสุขภาพ รวมถึงสังคมเมือง .- สำนักข่าวไทย