กรุงเทพฯ 27 มี.ค. – รมช.คมนาคมเร่งรัดงานก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตที่ยังช้ากว่าแผน มั่นใจเปิดให้บริการปี 63
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (27 มี.ค.) นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ประธานคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ณ ศูนย์ซ่อมบำรุง กิโลเมตรที่ 11
นายพิชิต เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับวิศวะกรก่อสร้างโครงการ ว่า โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26.3 กิโลเมตร ล่าสุดภาพรวมการก่อสร้างทั้ง 3 สัญญา ประกอบด้วย สัญญา 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ และโรงซ่อมบำรุง กิจการร่วมค้า กลุ่มเอสยูจอยเวนเจอร์ ซิโนไทย-ยูนิค เป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง สัญญา 2 งานก่อสร้างทางรถไฟ และสถานีรายทาง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้างก่อสร้าง มีความคืบหน้าร้อยละ 60 ล่าช้ากว่าแผนร้อยละ 40 ส่วนสัญญา 3 งานจัดหา ติดตั้งระบบไฟฟ้า เครื่องกล มีความคืบหน้าร้อยละ 60 ล่าช้ากว่าแผนงานร้อยละ 7
สำหรับ 3 สัญญาของโครงการดังกล่าวล่าช้ากว่าแผน เนื่องจากติดปัญหาการเวนคืนที่ดินบางส่วนย่านดอนเมืองและสถานีศูนย์ซ่อมบำรุง แถวสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 และการก่อสร้างพบท่อส่งน้ำมันของเอกชน จึงจำเป็นต้องมีการย้ายแนวท่อทำให้เกิดความล่าช้า อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ รฟท.เร่งแก้ไขปัญหาและปรับแบบให้โครงการสามารถเดินหน้าได้ตามแผนงาน พร้อมสั่งการให้เตรียมแผนบริหารความเสี่ยงทั้งการก่อสร้างและความซับซ้อนในการบริหารจัดการรองรับการเชื่อมต่อการเดินทางระบบขนส่งที่เกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงรองรับระบบรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปรีดเทรนด้วย ทั้งนี้ ระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง รฟท.กำหนดเป้าหมายว่าจะก่อสร้างเสร็จและเปิดให้บริการประชาชนปี 2563
นายพิชิต กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งให้นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ไปปฎิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีในการบริหารจัดการอัตรากำลัง กรณีมีอัตราว่างสามารถจัดกำลังไปลงในอัตรานั้นได้ ซึ่งคำสั่งนี้มีผลทันทีตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมานั้น วันนี้ (27 มี.ค.) บอร์ด ขสมก.มีการประชุม เพื่อแต่งตั้ง รักษาการ ผอ.ขสมก.ให้มาดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยบุคคลใดมาเป็นรักษาการ ขสมก. นั้นขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมบอร์ด ขสมก. เพราะที่ผ่านมาล่าช้ามานาน โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ที่เป็นส่วนหนึ่งในแผนฟื้นฟูของ ขสมก. หากจัดซื้อเร็วจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเรื่องค่าใช่จ่ายเชื้อเพลิงและซ่อมบำรุงปีละเกือบ 2,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย