เชียงใหม่ 25 มี.ค.-ประเด็นร้อนคดีทหารวิสามัญเยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ ซึ่งยังเป็นที่สงสัยของสังคม และมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบว่ากระทำการดังกล่าว เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย หรือเกินกว่าเหตุหรือไม่ ล่าสุดตำรวจคาดว่าจะสรุปสำนวนได้ภายใน 90 วัน ขณะที่กรรมการสิทธิมนุษยชนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้การดูแลพยาน
พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วยตำรวจ แพทย์ และพนักงานอัยการ ร่วมกันชี้แจงขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนคดีทหารวิสามัญนายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ว่า ได้แยกสำนวนออกเป็น 3 คดี คือ คดีที่ผู้เสียชีวิตครอบครองยาเสพติดและพยายามขัดขวางต่อสู้เจ้าหน้าที่ คดีชันสูตรพลิกศพผู้ตาย และคดีที่ทหารวิสามัญฆาตกรรมผู้ตาย ซึ่งการสอบปากคำพยานและการรวบรวมหลักฐานมีความคืบหน้าไปมาก ส่วนการชันสูตรศพ พบกระสุนปืน 1 นัดในตัวนายชัยภูมิ ซึ่งเกิดจากการวิสามัญของเจ้าหน้าที่ หากญาติยังติดใจว่าอาจมีการทำร้ายร่างกายร่วมด้วย สามารถร้องขอให้ทำการชันสูตรพลิกศพใหม่ได้ นอกจากนี้ยืนยันว่า พบยาบ้า 2,800 เม็ด ซุกในฝากระโปรงรถที่ผู้เสียชีวิตนั่งมาด้วย ขณะที่การตรวจสอบวงจรปิด รวมถึงเส้นทางการเงินของผู้เสียชีวิต อยู่ในสำนวนการสอบสวน เปิดเผยไม่ได้แต่คาดว่าสรุปสำนวนได้ใน 90 วัน
ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมคณะลงพื้นที่ หมู่บ้านกองผักปิ้ง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และหารือเพื่อให้การคุ้มครองพยาน คือนายไมตรี จำเริญสุขสกุล ประธานกลุ่มรักษ์ลาหู่ ซึ่งเป็นคนชักชวนนายชัยภูมิมาร่วมทำกิจกรรม จนมีความสนิทสนมกันที่ระบุว่า หลังนายชัยภูมิเสียชีวิตถูกข่มขู่หลายครั้งจนรู้สึกไม่ปลอดภัย ส่วนคดีนายชัยภูมิถูกวิสามัญ กรรมการสิทธิฯ เรียกร้องให้ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาให้ข้อมูล พร้อมย้ำกรรมการสิทธิไม่คำนึงถึงว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่ ขอเพียงเข้ามาให้ข้อมูลเท่านั้น
ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นการลงพื้นที่หมู่บ้านกองผักปิ้ง กรรมการสิทธิฯ ได้เดินทางต่อไปยังบ้านของครอบครัวนายอาเบ แซ่หมู่ ที่ถูกทหารวิสามัญในคดียาเสพติด เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้มีการแจ้งความไว้ที่ สภ.นาหวาย แต่คดียังไม่คืบ.-สำนักข่าวไทย