กรุงเทพฯ 22 มี.ค.- กปภ.ยืนยันเพลิงไหม้ไม่ใช่เหตุต้องการทำลายเอกสาร เพราะเอกสารสำคัญยังอยู่ครบและมีสำเนาเก็บไว้
นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) แถลงภายหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคาร 2 ที่สำนักงานใหญ่ กปภ.ภนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ว่า เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ ซึ่งสันนิฐานว่า ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่อาคาร 2 ชั้น 4 กองกิจการประปา 3 ฝ่ายเลขานุการของรองผู้ว่าการ กปภ.ภาค 3 โดยเฉพาะในส่วนของ กปภ.เอง ตัดประเด็นเรื่องวางเพลิงออกไป แต่มองไปที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตามต้องรอข้อสรุปจากกองพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหตุเพลิงไหม้เริ่มเกิดตั้งแต่ 18.30 น.พนักงานอยู่ด้านหลังสังเกตุเห็น จึงแจ้งรปภ. ทางรปภ.จึงขึ้นไป 3-4 คนเพื่อระงับเหตุ พร้อมแจ้งหน่วยดับเพลิง แต่สภาพเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นรุนแรง ไม่สามารถระงับได้ และลมแรงมาก ขณะที่รถดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. และสามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามออกไปได้ในช่วงเวลาประมาณ 20.30 น.และสามารถดับเพลิงให้สงบลงสมบูรณ์เวลา 21.30 น.เวลารวมประมาณ 3 ชั่วโมง
ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ ทางกปภ.ตั้งคณะกรรมการสอบเช่นกัน สำหรับเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นที่ชั้น 4 อาคาร 2 นั้น เป็นห้องที่ กปภ.จัดไว้ให้ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่เข้ามาทำหน้าที่ตรวจรับรองงบการเงิน งบดุลของกปภ. ประจำปี ซึ่งได้ตรวจรับรองงบปี 2559 เสร็จและส่งกลับมาให้กปภ.ที่สำนักงานใหญ่แล้ว เอกสารจึงไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ดังนั้นเอกสารต่าง ๆ ภายในห้องทำงานดังกล่าว เป็นเอกสารส่วนตัว ซึ่งกปภ.เองไม่สามารถจะรับทราบได้
ส่วนเรื่องร้องเรียนที่ผ่านสตง.เข้ามาจำนวน 31 เรื่อง ณ วันที่ 11 มกราคม 2560 เอกสารได้ส่งไปที่สำนักงานใหญ่กปภ.แล้วและมีสำเนาเก็บรักษาไว้ ดังนั้น ที่มีการระบุกันว่า ชั้นที่ 4 อาคาร 2 เกิดเพลิงไหม้เป็นที่เก็บรักษาเอกสารสำคัญจำนวนมากนั้น ไม่ได้เป็นเช่นนั้น สำหรับเรื่องร้องเรียน 31 เรื่อง แบ่งเป็น ไม่มีมูล/ข้อร้องเรียนไม่ชัดเจน/ยุติเรื่อง จำนวน 7 เรื่อง ส่วนที่ 2 อยู่ระหว่างแก้ปัญหาให้ใครงการเดินต่อได้ 11 เรื่อง ส่วนที่ 3 ตรวจสอบข้อมูลโดยตั้งคณะกรรมการ 7 เรื่อง และส่วนที่ 4 เรื่องถึง สตง.และปปช. 6 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง 7 เรื่อง โครงการก่อสร้าง16 เรื่อง เจ้าหน้าที่ประพิฤติมิชอบ 3 เรื่อง กระบวนการทำงาน/บริหารงาน 3 เรื่อง และประเด็นอื่น ๆ 2 เรื่อง
นายเสรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เอกสารสำคัญของปกภ.จะเก็บไว้ที่ชั้น 2 อาคาร 2 ส่วนหนึ่งที่กองวินัย โดยรับเรื่องร้องเรียนพนักงานทำผิดวินัย ดังนั้นเอกสารส่วนนี้ยังอยู่ครบทุกเรื่องโดยสมบูรณ์ เอกสารอีกส่วนหนึ่งเป็นเอกสารสัญญาอยู่ที่อาคาร 1 สัญญาก่อสร้างที่ทำมาตั้งแต่อดีตอยู่ครบ ไม่ได้รับความเสียหาย และชั้น 1 กองจัดหา เอกสารสำคัญยังอยู่ที่กองจัดหาก็ไม่ได้รับความเสียหายเช่นกัน หากมีเรื่องร้องเรียนๆ ใด ๆ กปภ.เอกสารพร้อมที่จะส่งเอกสารให้ สตง.และปปช. ดังนั้น เหตุเพลิงไหม้จึงไม่มีประเด็นว่าเพื่อทำลายเอกสาร ส่วนชั้นที่ 3 ได้รับผลกระทบบ้างจากน้ำที่ใช้ดับเพลิง โดยเป็นพื้นที่ของฝ่ายวิศวกรรมออกแบบ เอกสารยังสมบูรณ์ทำงานได้ แต่บางส่วนอาจต้องตากแดดให้แห้ง
นายเสรี กล่าวว่า หลังเพลิงสงบภายใน 14 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่จากกรุงเทพมหานคร(กทม.)และเจ้าหน้าที่จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้าตรวจสอบสภาพทางกายภาพของอาคาร 2 ที่เกิดเพลิงไหม้ โดยภาพรวมสรุปว่า อาคาร 2 ชั้น 1-3 ยังมีความมั่นคงแข็งแรง ส่วนชั้น 4 คานกับเสาจะต้องเสริมความแข็งแรง ส่วนพื้นจะต้องรอเคลียร์เอกสารก่อนที่จะเข้ามาตรวจวัดความแข็งแรงต่อไป ภายใน 1 เดือน กปภ.จะต้องทำรายงานข้อเท็จจริง ความเสียหาย รายงานแผนปรับปรุงอาคารส่งไปให้กทม. กปภ.ตั้งเป้าให้อาคาร 2 กลับมาใช้งานได้อีกครั้งภายใน 6 เดือนนับจากนี้ไป
เพลิงไหม้คร้งนี้ไม่ส่งผลกระทบการดำเนินธุรกิจของกปภ.ทั่วประเทศ 10 เขต 234 สาขา โดยกปภ.ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติยังผลิตจำหน่ายน้ำได้ และมีการตั้งศูนย์บัญชาการขึ้นมา สายด่วน 1662 ที่อยู่อาคารหนึ่งได้ย้ายที่ทำงานสามารถให้บริการได้ตามปกติประชาชนยังติดต่อได้ กปภ.ขอยืนยันว่า ภายใต้การบริหารชุดนี้ ให้ความสำคัญ การเป็นที่พึ่งประชาชนในการให้บริการน้ำ โดยขณะนี้กปภ. มีพื้นที่ให้บริการ คิดเป็นร้อยละ 20 ยังมีอีกหลายล้านคนรอการให้บริการของกปภ.อยู่ นี่คือภาระกิจหลักในการลดความเหลื่อมล้ำ และต้องพัฒนาประเทศตามนโยบายรัฐบาลเช่น การพัฒนาประปาในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC การให้บริการมีความโปร่งใส และขอยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจะทำให้กระจ่างขึ้นมา” นายเสรี กล่าว -สำนักข่าวไทย