กรุงเทพฯ 11 พ.ย. – สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดราคาทองคำในประเทศร่วงลงบาทละ 300 บาท จากเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) โดยราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 21,000 บาท ขายออกบาทละ 21,100 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 20,617.60 บาท ขายออกบาทละ 21,600 บาท
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตลาดโคเม็กซ์ (COMEX) โดยลงไปทำจุดต่ำสุดเมื่อคืนนี้หลุดระดับ 1,260 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ลงมาที่บริเวณ 1,256 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนที่เช้านี้จะปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ต่อที่ระดับ 1,251 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยกดดันราคาทองคำหลายปัจจัยท่ามกลางการคาดหวังว่านโยบายของนาย โดนัลด์ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐขึ้นมาได้และจะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น , กองทุน SPDR เทขายทองคำออกมาถึง 13.35 ตัน, ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง , ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 1.17, ข้อมูลยอดขอรับสวัสดิการว่างงานที่ออกมาดีกว่าคาดที่ระดับ 254,000 ราย จากระดับ 265,000 ราย นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่านักลงทุนเข้าซื้อในตลาดพันธบัตรสูงขึ้นและรวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรที่ดีขึ้น ขณะที่วันนี้จะเป็นวันหยุดภาคธนาคารของสหรัฐเนื่องในวันทหารผ่านศึก อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นและตลาดทองคำยังคงเปิดทำการตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำยังคงมีความผันผวนอย่างมากและหลุดแนวรับสำคัญทางเทคนิคบริเวณ 1,262 ดอลลาร์สหรัฐ ลงมาทำให้ภาพรวมของราคาทองคำเป็นขาลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐ และ 1,240 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ แต่ถ้าสามารถดีดตัวขึ้นไปได้ภายใน 2 วันนี้ ก็อาจจะจบรอบขาลงในระยะสั้นที่เป็นผลกระทบมาจากการเลือกตั้งสหรัฐ สำหรับทองคำไทยจะมีแนวรับที่ระดับ 21,000 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านที่ 21,500 บาทต่อบาททองคำ
บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด วิเคราะห์ว่า ราคาทองปรับตัวลดลงอีกครั้งหลังจากโดนกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังจากประธานาธิบดีคนใหม่นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าสมัยก่อน โดยเห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งการขายของกองทุน SPDR ที่ขายออกมาค่อนข้างมาก ทำให้ภาพรวมราคาทองเริ่มเป็นลบมากขึ้น และคืนนี้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ คือ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อ.-สำนักข่าวไทย