ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉเว็บปลอม ตอนที่ 2 ผ่าเว็บปลอม

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท 16 ก.ค. – เว็บปลอมข่าวเท็จยังคงแพร่ระบาดสร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว ถึงเวลาเจาะลึกถอดรหัสหาเจตนาเบื้องหลังคนสร้างเว็บปลอมเหล่านี้

เราพบราว 30-40 เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวปลอมป่วนสังคม พวกเขาทำแล้วได้อะไร ?

 


“ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อก่อนมีพวกเพจที่เป็นคลิกเบต พยายามเอาข่าวมาเขียนข่าวให้มีสีสัน แล้วล่อให้เราคลิกเข้าไป และมีโฆษณาเต็มไปหมด ก็จะได้เงินค่าโฆษณา แต่พอปรับใหม่เป็นแบบนี้ ไม่มีโฆษณาก็ไม่มั่นใจว่าทำเพื่ออะไร แต่มันเกิดผลไม่ดีต่อสังคมแน่ ๆ”

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งข้อสังเกตอย่างสงสัย เหตุใดเว็บไซต์ข่าวปลอมที่เกิดขึ้นจึงมีหน้าตาที่ไม่เหมือนกับเว็บระดมโฆษณาอื่น ๆ ที่เคยเห็น


ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท พบว่าข่าวปลอมที่เกิดขึ้นกว่า 60 ข่าวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (ดูรายชื่อข่าวทั้งหมดได้ที่ ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉเว็บปลอม ตอนที่ 1) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 และมีลักษณะวิธีการสร้างหน้าเว็บที่คล้ายคลึงกัน และเชื่อได้ว่ามีการคิดวางแผนการเผยแพร่อย่างเป็นระบบ

ฟิชชิ่ง Phishing

เว็บไซต์ปลอม หรือที่เรียกกันว่า เว็บฟิชชิ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นมากมายทั่วโลกนั้น มีเป้าหมายแตกต่างกันไป บางเว็บก็สร้างขึ้นเพื่อหลอกเอารหัสผ่านของอีเมล์ หรือ บัญชีธนาคาร ขณะที่บางเว็บก็ต้องการทำลายชื่อเสียงของหน่วยงาน

แต่ในกรณีเว็บข่าวปลอมเหล่านี้ มีหลักฐานชี้ที่ทำให้เชื่อได้ว่า เป้าหมายหลักของพวกเขาอยู่ที่ “ค่าโฆษณา”


ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยทางสารสนเทศ ระบุว่า เนื่องจากคนไทยในโซเชียลส่วนใหญ่จะมีลักษณะชอบแชร์เรื่องต่าง ๆ บางเรื่องตัดสินใจแชร์เพียงแค่ได้เห็นพาดหัวเท่านั้น ไม่ได้ดูลึกลงไปถึงเนื้อหาจริง

“พอเห็นเรื่องน่าตื่นเต้นตกใจ ก็จะรีบกดแชร์ช่วยแพร่กระจายเว็บเหล่านี้ออกไป ซึ่งคาดว่าน่าจะทำเงินให้ผู้อยู่เบื้องหลังแต่ละเดือนเป็นหลักหมื่นหรือแสนบาท” นายปริญญากล่าว

แกะรอยเว็บปลอม

เมื่อลองนำหัวข้อข่าวปลอมสักหัวหนึ่งไปค้นใน Google ผลการค้นหาบางรายการก็จะลิงก์ไปที่เว็บรวมข่าวต่าง ๆ แต่บางรายการจะชี้ตรงไปยังเว็บปลอม

“เข้าเว็บพวกนี้ต้องระวัง” นักพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านเครือข่ายคนหนึ่งเตือน ขณะที่ผมขอให้เขาช่วยวิเคราะห์เว็บปลอม

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า บางทีเว็บพวกนี้ฝังซอฟต์แวร์บางอย่างที่พร้อมจะโจมตีเราได้ทันที เพียงแค่กดเข้าเว็บไซต์เท่านั้น เขาพูดพลางเปิดโปรแกรมประเภท Virtual Machine ที่ช่วยจำลองคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ให้อยู่ในคอมพิวเตอร์อีกที

แล้วเข้าเว็บไซต์ปลอมเหล่านี้ผ่านจอเล็กที่อยู่ในจอใหญ่ เพราะหากโดนโจมตีขึ้นมาจริง ๆ ก็จะโดนแค่เจ้าเครื่องจำลองนั้น

(คำเตือนนี้ทำเอาผมผวา ขนาดคนที่คร่ำหวอดกับภัยไซเบอร์ยังป้องกันตัวเองขนาดนี้ แต่ก่อนหน้านี้ ผมเที่ยวตระเวนเข้าเว็บปลอมเป็นสิบ ๆ แห่ง โดยไม่ทันได้ป้องกันอะไรเลย!)

เมื่อคลิกเข้าไปในเว็บปลอม เราจะพบหน้าเว็บที่สร้างขึ้นมาให้เข้าใจว่านั่นคือเว็บจริง ๆ ของสำนักข่าวหรือหน่วยงาน เรียกว่า capture หน้าเว็บจริงมาวาง แล้วปรับแก้เล็กน้อยเท่านั้น แม้แต่แบนเนอร์โฆษณาแบรนด์ดัง ๆ ก็เอามาทำหน้าที่เสริมความน่าเชื่อถือเท่านั้น

แถบเมนูต่าง ๆ ของหน้าเว็บต้นฉบับก็เอามาด้วย แต่คลิกไม่ได้

ตรงกลางหน้าเว็บ พาดหัวข่าวเท็จขนาดใหญ่ ตามด้วยรูปภาพประกอบที่น่าตกใจ และมีเนื้อข่าวที่ปั้นขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ

แฉเว็บปลอม 2

แกะ code เว็บปลอม

ผมเปิดรหัสโปรแกรมหรือโค้ดเบื้องหลังของหน้าเว็บปลอมเหล่านี้ ด้วยคำสั่ง view source ซึ่งเป็นคำสั่งพื้นฐานที่มากับบราวเซอร์ทุกตัว เพื่อจะดูว่า นอกจากสิ่งที่เราเห็นด้วยตาผ่านหน้าเว็บแล้ว ผู้สร้างยังแอบซ่อนอะไรไว้อีกบ้าง

* ไฟล์ HTML

เว็บไซต์เหล่านี้ใช้เทคนิค HTML พื้นฐานในการเขียนหน้าเว็บ แค่ประกอบร่างตัวอักษรกับภาพถ่ายเท่านั้น

* จัดเก็บแยกเดี่ยว

หน้าเว็บถูกจัดเก็บสร้างเป็นไฟล์ htm แยกเป็นข่าว ๆ ไม่เชื่อมโยงถึงกัน และวางอยู่โดด ๆ ไม่มีลิงก์เชื่อมโยงไปที่อื่น ซึ่งแปลว่าถ้าหากไม่ใช่การค้นหาผ่าน Google แล้ว คนทั่วไปแทบจะไม่มีโอกาสรู้ว่า มีหน้าเว็บนี้อยู่

* ส่วนประกอบในหน้าเว็บ

องค์ประกอบต่าง ๆ ในหน้าเว็บ มีเพียงเนื้อข่าวเป็นข้อความ นอกนั้นเป็นไฟล์ภาพที่ถูกจัดวางต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเมนู แบนเนอร์โฆษณาต่าง ๆ โดยภาพเหล่านั้นจัดเก็บอยู่ในโฟลเดอร์เดียวกันกับหน้าเว็บแต่ละเว็บไป

ทั้งนี้ ไม่มีโฆษณาและเมนูใดที่คลิกได้ ทุกอย่างจัดวางเป็นเหมือนฉากละครเวที คือสร้างบรรยากาศให้ แต่ใช้งานไม่ได้จริง

* สิ่งที่ซ่อนไว้

ในช่วงท้ายของหน้าเว็บปลอม จะซ่อนตัวเก็บสถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ แต่ละหน้าจะมีรหัสที่แตกต่างกัน เพื่อทำให้ผู้สร้างเว็บรู้ได้ว่า ในขณะนี้แต่ละหน้า มีคนเข้าเว็บกี่คน ซึ่งบริการเก็บสถิติเว็บไซต์นี้สามารถรายงานผลให้ทราบได้โดยละเอียด

ขณะที่ตอนท้ายของโค้ด พบรหัสโปรแกรมที่สั่งการเรียกลิงก์โฆษณาผ่านคำสั่ง iframe แบบซ่อนตัว ซึ่งจะไปแอบอยู่แถว ๆ บนสุดของหน้าเว็บ ถ้าเราไม่สังเกตแหวกหาก็จะไม่เห็นได้ง่าย ๆ

ระบบโฆษณาหมกเม็ด

ความจริงแล้ว เมื่อเทียบโค้ดของเว็บไซต์ข่าวปลอม ในช่วงแรก ๆ ไม่พบว่ามีการใส่โฆษณาเข้าไป แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้สร้างเริ่มแอบใส่โฆษณาเข้าไปแล้ว

โฆษณาที่แอบใส่ในข่าวปลอมปัจจุบัน เป็นแบบ Pop-Under หรือเปิดซ้อนด้านหลัง และยังใช้เทคนิค iframe ให้มีการเปิดหน้าเว็บซ่อน และเว็บโฆษณาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

กลไกการทำงาน ขั้นแรกหน้าเว็บหลักจะตรวจสอบก่อนว่าผู้ชมเข้าเว็บไซต์ด้วยอุปกรณ์อะไร หากเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ก็จะส่งหน้าเว็บที่ไม่มีโฆษณามาแสดงผล

แต่ถ้าคลิกเข้าด้วยมือถือ ระบบจะคัดแยกว่าเป็น iOS หรือ Android แล้วจึงส่งหน้าเว็บที่เขียนขึ้นสำหรับมือถือโดยเฉพาะเข้ามา ซึ่งรหัสเบื้องหลังหน้าเว็บนั้น สั่งให้มีการแสดงโฆษณาทันที

เปรียบเทียบเหมือนว่า เพียงเราเข้าไปที่เว็บนั้น ก็เหมือนเรากดคลิกโฆษณา สร้างรายได้ให้เขาทันที หลายคนที่เคยโดนหลอกให้คลิกเข้าไป

เข้าใจแล้วใช่ไหมว่า ทำไมจู่ ๆ จึงมีโฆษณาเว็บอนาจารพรึ่บขึ้นมาบนหน้าจอมากมาย

เจตนาแฝง ?

ตรงนี้ชี้เจตนาชัดว่า คนสร้างเว็บปลอมเหล่านี้ พุ่งเป้าไปที่ประชาชนที่ใช้มือถือเป็นหลัก และในระยะหลังเราพบว่า เจาะจงเลือกเล่นงานแต่มือถือ แอนดรอยด์ โดยตัวเว็บจะตรวจสอบว่าถ้าคลิกเข้าด้วยมือถือแอนดรอยด์ มันจะส่งหน้าเว็บเฉพาะที่มีรหัสสำหรับเรียกโฆษณามากมายมาให้เอง

ไม่อยากจะคิดว่า การที่ผู้สร้างเลือกแบ่งเป้าหมายแบบนี้ กำลังจะเตรียมตัวใช้เว็บปลอมเพื่อ “ปล่อย” อะไรที่ไปไกลกว่าโฆษณาหรือไม่ ?

ไม่อยากจะนึกภาพ หากมีข่าวปลอมที่น่าตื่นตระหนกสักข่าวถูกสร้างขึ้นมาล่อ แล้วคนไทยแห่คลิกเข้าไป ปรากฏว่ากลายเป็นกับดัก แพร่มัลแวร์ หรือ แรนซัมแวร์ (ไวรัสเรียกค่าไถ่) แล้วทำให้ผู้ใช้มากมาย ตกเป็นเหยื่อ

สืบสาวให้ลึก

เบาะแสที่เราได้จากการแกะรอยดูหน้าเว็บมีประมาณนี้ หลังจากนี้เราจะต้องใช้เครื่องมืออื่นในการเจาะลึกลงไปอีกขั้น เพื่อตามให้ถึงคนที่ดำเนินการเบื้องหลัง

เมื่อต้องการรู้เจ้าของเว็บไซต์ หรือ สถานที่เก็บเว็บไซต์ โดยทั่วไปเราจะใช้คำสั่ง WHOIS เพื่อดึงข้อมูลการจดทะเบียนและเส้นทางจราจรเว็บไซต์ขึ้นมา

แต่เมื่อใช้เครื่องมือในการเข้าดูต้นตอเว็บไซต์ ผมไม่พบอะไรนอกจากทางตัน ซึ่งแปลว่าวิธีแกะรอยมาตรฐานแบบนี้ใช้กับเว็บปลอมเหล่านี้ไม่ได้!

ผมไล่ตรวจเว็บปลอมเกือบ 40 แห่ง พบการปกปิดในลักษณะเดียวกันนี้ทั้งหมด!

เว็บปลอมเหล่านี้ลงทุนซื้อบริการที่ช่วยปกปิดชื่อเจ้าของเว็บ ทำให้เมื่อค้นด้วยคำสั่ง WHOIS จึงพบแต่ชื่อของบริษัทรับจ้างปกปิดตัวตนนี้ ซึ่งจดแจ้งสถานที่ตั้งอยู่แถวประเทศปานามา

ปิดบังในชั้นแรกยังไม่พอ ผู้สร้างเว็บยังลงทุนจ่ายเงินใช้บริการระบบคลาวด์ที่ช่วยปกปิดสถานที่เก็บเว็บไซต์จริง ซึ่งบริการนี้มีเว็บไซต์ใหญ่ ๆ ใช้บริการ แต่ขณะเดียวกันก็ได้รับความนิยมจากพวกกลุ่มก่อการร้าย ใช้สำหรับปกปิดเส้นทางชี้โยงมาถึงตัวผู้จัดทำ

ในต่างประเทศถึงขั้นมีการเคลื่อนไหวต่อต้านประณามบริษัทคลาวด์ Startup รายนี้ ที่เปิดบริการซึ่งกลายเป็นเครื่องมือช่วยปกปิดตัวตนให้พวกผู้ร้ายทั้งหลาย

ผลจากทางที่ดูเหมือนตันทั้ง 2 แห่ง ทำให้เรายังไม่สามารถรู้ได้ว่า “ใคร” คือคนที่อยู่เบื้องหลังเว็บปลอมเหล่านี้…

…แต่เรายังเหลืออีกพื้นที่กลไกหนึ่งที่น่าสนใจ…

(โปรดติดตามต่อตอนที่ 3 – ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉเว็บปลอม ตอนที่ 3 – ขบวนการขายความเท็จ)

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย