ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉเว็บปลอม ตอนที่ 2 ผ่าเว็บปลอม

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท 16 ก.ค. – เว็บปลอมข่าวเท็จยังคงแพร่ระบาดสร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว ถึงเวลาเจาะลึกถอดรหัสหาเจตนาเบื้องหลังคนสร้างเว็บปลอมเหล่านี้

เราพบราว 30-40 เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข่าวปลอมป่วนสังคม พวกเขาทำแล้วได้อะไร ?

 


“ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อก่อนมีพวกเพจที่เป็นคลิกเบต พยายามเอาข่าวมาเขียนข่าวให้มีสีสัน แล้วล่อให้เราคลิกเข้าไป และมีโฆษณาเต็มไปหมด ก็จะได้เงินค่าโฆษณา แต่พอปรับใหม่เป็นแบบนี้ ไม่มีโฆษณาก็ไม่มั่นใจว่าทำเพื่ออะไร แต่มันเกิดผลไม่ดีต่อสังคมแน่ ๆ”

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งข้อสังเกตอย่างสงสัย เหตุใดเว็บไซต์ข่าวปลอมที่เกิดขึ้นจึงมีหน้าตาที่ไม่เหมือนกับเว็บระดมโฆษณาอื่น ๆ ที่เคยเห็น


ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สำนักข่าวไทย อสมท พบว่าข่าวปลอมที่เกิดขึ้นกว่า 60 ข่าวในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (ดูรายชื่อข่าวทั้งหมดได้ที่ ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉเว็บปลอม ตอนที่ 1) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 และมีลักษณะวิธีการสร้างหน้าเว็บที่คล้ายคลึงกัน และเชื่อได้ว่ามีการคิดวางแผนการเผยแพร่อย่างเป็นระบบ

ฟิชชิ่ง Phishing

เว็บไซต์ปลอม หรือที่เรียกกันว่า เว็บฟิชชิ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นมากมายทั่วโลกนั้น มีเป้าหมายแตกต่างกันไป บางเว็บก็สร้างขึ้นเพื่อหลอกเอารหัสผ่านของอีเมล์ หรือ บัญชีธนาคาร ขณะที่บางเว็บก็ต้องการทำลายชื่อเสียงของหน่วยงาน

แต่ในกรณีเว็บข่าวปลอมเหล่านี้ มีหลักฐานชี้ที่ทำให้เชื่อได้ว่า เป้าหมายหลักของพวกเขาอยู่ที่ “ค่าโฆษณา”


ปริญญา หอมเอนก ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยทางสารสนเทศ ระบุว่า เนื่องจากคนไทยในโซเชียลส่วนใหญ่จะมีลักษณะชอบแชร์เรื่องต่าง ๆ บางเรื่องตัดสินใจแชร์เพียงแค่ได้เห็นพาดหัวเท่านั้น ไม่ได้ดูลึกลงไปถึงเนื้อหาจริง

“พอเห็นเรื่องน่าตื่นเต้นตกใจ ก็จะรีบกดแชร์ช่วยแพร่กระจายเว็บเหล่านี้ออกไป ซึ่งคาดว่าน่าจะทำเงินให้ผู้อยู่เบื้องหลังแต่ละเดือนเป็นหลักหมื่นหรือแสนบาท” นายปริญญากล่าว

แกะรอยเว็บปลอม

เมื่อลองนำหัวข้อข่าวปลอมสักหัวหนึ่งไปค้นใน Google ผลการค้นหาบางรายการก็จะลิงก์ไปที่เว็บรวมข่าวต่าง ๆ แต่บางรายการจะชี้ตรงไปยังเว็บปลอม

“เข้าเว็บพวกนี้ต้องระวัง” นักพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านเครือข่ายคนหนึ่งเตือน ขณะที่ผมขอให้เขาช่วยวิเคราะห์เว็บปลอม

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า บางทีเว็บพวกนี้ฝังซอฟต์แวร์บางอย่างที่พร้อมจะโจมตีเราได้ทันที เพียงแค่กดเข้าเว็บไซต์เท่านั้น เขาพูดพลางเปิดโปรแกรมประเภท Virtual Machine ที่ช่วยจำลองคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ให้อยู่ในคอมพิวเตอร์อีกที

แล้วเข้าเว็บไซต์ปลอมเหล่านี้ผ่านจอเล็กที่อยู่ในจอใหญ่ เพราะหากโดนโจมตีขึ้นมาจริง ๆ ก็จะโดนแค่เจ้าเครื่องจำลองนั้น

(คำเตือนนี้ทำเอาผมผวา ขนาดคนที่คร่ำหวอดกับภัยไซเบอร์ยังป้องกันตัวเองขนาดนี้ แต่ก่อนหน้านี้ ผมเที่ยวตระเวนเข้าเว็บปลอมเป็นสิบ ๆ แห่ง โดยไม่ทันได้ป้องกันอะไรเลย!)

เมื่อคลิกเข้าไปในเว็บปลอม เราจะพบหน้าเว็บที่สร้างขึ้นมาให้เข้าใจว่านั่นคือเว็บจริง ๆ ของสำนักข่าวหรือหน่วยงาน เรียกว่า capture หน้าเว็บจริงมาวาง แล้วปรับแก้เล็กน้อยเท่านั้น แม้แต่แบนเนอร์โฆษณาแบรนด์ดัง ๆ ก็เอามาทำหน้าที่เสริมความน่าเชื่อถือเท่านั้น

แถบเมนูต่าง ๆ ของหน้าเว็บต้นฉบับก็เอามาด้วย แต่คลิกไม่ได้

ตรงกลางหน้าเว็บ พาดหัวข่าวเท็จขนาดใหญ่ ตามด้วยรูปภาพประกอบที่น่าตกใจ และมีเนื้อข่าวที่ปั้นขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ

แฉเว็บปลอม 2

แกะ code เว็บปลอม

ผมเปิดรหัสโปรแกรมหรือโค้ดเบื้องหลังของหน้าเว็บปลอมเหล่านี้ ด้วยคำสั่ง view source ซึ่งเป็นคำสั่งพื้นฐานที่มากับบราวเซอร์ทุกตัว เพื่อจะดูว่า นอกจากสิ่งที่เราเห็นด้วยตาผ่านหน้าเว็บแล้ว ผู้สร้างยังแอบซ่อนอะไรไว้อีกบ้าง

* ไฟล์ HTML

เว็บไซต์เหล่านี้ใช้เทคนิค HTML พื้นฐานในการเขียนหน้าเว็บ แค่ประกอบร่างตัวอักษรกับภาพถ่ายเท่านั้น

* จัดเก็บแยกเดี่ยว

หน้าเว็บถูกจัดเก็บสร้างเป็นไฟล์ htm แยกเป็นข่าว ๆ ไม่เชื่อมโยงถึงกัน และวางอยู่โดด ๆ ไม่มีลิงก์เชื่อมโยงไปที่อื่น ซึ่งแปลว่าถ้าหากไม่ใช่การค้นหาผ่าน Google แล้ว คนทั่วไปแทบจะไม่มีโอกาสรู้ว่า มีหน้าเว็บนี้อยู่

* ส่วนประกอบในหน้าเว็บ

องค์ประกอบต่าง ๆ ในหน้าเว็บ มีเพียงเนื้อข่าวเป็นข้อความ นอกนั้นเป็นไฟล์ภาพที่ถูกจัดวางต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเมนู แบนเนอร์โฆษณาต่าง ๆ โดยภาพเหล่านั้นจัดเก็บอยู่ในโฟลเดอร์เดียวกันกับหน้าเว็บแต่ละเว็บไป

ทั้งนี้ ไม่มีโฆษณาและเมนูใดที่คลิกได้ ทุกอย่างจัดวางเป็นเหมือนฉากละครเวที คือสร้างบรรยากาศให้ แต่ใช้งานไม่ได้จริง

* สิ่งที่ซ่อนไว้

ในช่วงท้ายของหน้าเว็บปลอม จะซ่อนตัวเก็บสถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ แต่ละหน้าจะมีรหัสที่แตกต่างกัน เพื่อทำให้ผู้สร้างเว็บรู้ได้ว่า ในขณะนี้แต่ละหน้า มีคนเข้าเว็บกี่คน ซึ่งบริการเก็บสถิติเว็บไซต์นี้สามารถรายงานผลให้ทราบได้โดยละเอียด

ขณะที่ตอนท้ายของโค้ด พบรหัสโปรแกรมที่สั่งการเรียกลิงก์โฆษณาผ่านคำสั่ง iframe แบบซ่อนตัว ซึ่งจะไปแอบอยู่แถว ๆ บนสุดของหน้าเว็บ ถ้าเราไม่สังเกตแหวกหาก็จะไม่เห็นได้ง่าย ๆ

ระบบโฆษณาหมกเม็ด

ความจริงแล้ว เมื่อเทียบโค้ดของเว็บไซต์ข่าวปลอม ในช่วงแรก ๆ ไม่พบว่ามีการใส่โฆษณาเข้าไป แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้สร้างเริ่มแอบใส่โฆษณาเข้าไปแล้ว

โฆษณาที่แอบใส่ในข่าวปลอมปัจจุบัน เป็นแบบ Pop-Under หรือเปิดซ้อนด้านหลัง และยังใช้เทคนิค iframe ให้มีการเปิดหน้าเว็บซ่อน และเว็บโฆษณาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

กลไกการทำงาน ขั้นแรกหน้าเว็บหลักจะตรวจสอบก่อนว่าผู้ชมเข้าเว็บไซต์ด้วยอุปกรณ์อะไร หากเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ก็จะส่งหน้าเว็บที่ไม่มีโฆษณามาแสดงผล

แต่ถ้าคลิกเข้าด้วยมือถือ ระบบจะคัดแยกว่าเป็น iOS หรือ Android แล้วจึงส่งหน้าเว็บที่เขียนขึ้นสำหรับมือถือโดยเฉพาะเข้ามา ซึ่งรหัสเบื้องหลังหน้าเว็บนั้น สั่งให้มีการแสดงโฆษณาทันที

เปรียบเทียบเหมือนว่า เพียงเราเข้าไปที่เว็บนั้น ก็เหมือนเรากดคลิกโฆษณา สร้างรายได้ให้เขาทันที หลายคนที่เคยโดนหลอกให้คลิกเข้าไป

เข้าใจแล้วใช่ไหมว่า ทำไมจู่ ๆ จึงมีโฆษณาเว็บอนาจารพรึ่บขึ้นมาบนหน้าจอมากมาย

เจตนาแฝง ?

ตรงนี้ชี้เจตนาชัดว่า คนสร้างเว็บปลอมเหล่านี้ พุ่งเป้าไปที่ประชาชนที่ใช้มือถือเป็นหลัก และในระยะหลังเราพบว่า เจาะจงเลือกเล่นงานแต่มือถือ แอนดรอยด์ โดยตัวเว็บจะตรวจสอบว่าถ้าคลิกเข้าด้วยมือถือแอนดรอยด์ มันจะส่งหน้าเว็บเฉพาะที่มีรหัสสำหรับเรียกโฆษณามากมายมาให้เอง

ไม่อยากจะคิดว่า การที่ผู้สร้างเลือกแบ่งเป้าหมายแบบนี้ กำลังจะเตรียมตัวใช้เว็บปลอมเพื่อ “ปล่อย” อะไรที่ไปไกลกว่าโฆษณาหรือไม่ ?

ไม่อยากจะนึกภาพ หากมีข่าวปลอมที่น่าตื่นตระหนกสักข่าวถูกสร้างขึ้นมาล่อ แล้วคนไทยแห่คลิกเข้าไป ปรากฏว่ากลายเป็นกับดัก แพร่มัลแวร์ หรือ แรนซัมแวร์ (ไวรัสเรียกค่าไถ่) แล้วทำให้ผู้ใช้มากมาย ตกเป็นเหยื่อ

สืบสาวให้ลึก

เบาะแสที่เราได้จากการแกะรอยดูหน้าเว็บมีประมาณนี้ หลังจากนี้เราจะต้องใช้เครื่องมืออื่นในการเจาะลึกลงไปอีกขั้น เพื่อตามให้ถึงคนที่ดำเนินการเบื้องหลัง

เมื่อต้องการรู้เจ้าของเว็บไซต์ หรือ สถานที่เก็บเว็บไซต์ โดยทั่วไปเราจะใช้คำสั่ง WHOIS เพื่อดึงข้อมูลการจดทะเบียนและเส้นทางจราจรเว็บไซต์ขึ้นมา

แต่เมื่อใช้เครื่องมือในการเข้าดูต้นตอเว็บไซต์ ผมไม่พบอะไรนอกจากทางตัน ซึ่งแปลว่าวิธีแกะรอยมาตรฐานแบบนี้ใช้กับเว็บปลอมเหล่านี้ไม่ได้!

ผมไล่ตรวจเว็บปลอมเกือบ 40 แห่ง พบการปกปิดในลักษณะเดียวกันนี้ทั้งหมด!

เว็บปลอมเหล่านี้ลงทุนซื้อบริการที่ช่วยปกปิดชื่อเจ้าของเว็บ ทำให้เมื่อค้นด้วยคำสั่ง WHOIS จึงพบแต่ชื่อของบริษัทรับจ้างปกปิดตัวตนนี้ ซึ่งจดแจ้งสถานที่ตั้งอยู่แถวประเทศปานามา

ปิดบังในชั้นแรกยังไม่พอ ผู้สร้างเว็บยังลงทุนจ่ายเงินใช้บริการระบบคลาวด์ที่ช่วยปกปิดสถานที่เก็บเว็บไซต์จริง ซึ่งบริการนี้มีเว็บไซต์ใหญ่ ๆ ใช้บริการ แต่ขณะเดียวกันก็ได้รับความนิยมจากพวกกลุ่มก่อการร้าย ใช้สำหรับปกปิดเส้นทางชี้โยงมาถึงตัวผู้จัดทำ

ในต่างประเทศถึงขั้นมีการเคลื่อนไหวต่อต้านประณามบริษัทคลาวด์ Startup รายนี้ ที่เปิดบริการซึ่งกลายเป็นเครื่องมือช่วยปกปิดตัวตนให้พวกผู้ร้ายทั้งหลาย

ผลจากทางที่ดูเหมือนตันทั้ง 2 แห่ง ทำให้เรายังไม่สามารถรู้ได้ว่า “ใคร” คือคนที่อยู่เบื้องหลังเว็บปลอมเหล่านี้…

…แต่เรายังเหลืออีกพื้นที่กลไกหนึ่งที่น่าสนใจ…

(โปรดติดตามต่อตอนที่ 3 – ชัวร์ก่อนแชร์ : แฉเว็บปลอม ตอนที่ 3 – ขบวนการขายความเท็จ)

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]