กทพ.-กรมทางหลวงเตรียมพร้อมบริการประชาชนช่วงปีใหม่

กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. – กทพ. จัดตั้งหน่วยบริการประชาชนบนทางพิเศษ เพื่อรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 พร้อมยกเว้นค่าผ่านทางของทางพิเศษบูรพาวิถี


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอำนวยความสะดวก และปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ณ บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว 1 ทางพิเศษกาญจนาภิเษก โดยมี พลเอก วิวรรธน์ สุชาติ ประธานคณะกรรมการ กทพ. และนายณรงค์ เขียดเดช ผู้ว่าการ กทพ. ร่วมให้การต้อนรับ

นายอาคม กล่าวว่า คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดและใช้บริการทางพิเศษของ กทพ. มากที่สุดในวันศุกร์ที่ 30 ธ.ค. 59 ซึ่ง กทพ. กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมในการบริการประชาชนตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 โดยจัดหน่วยบริการประชาชน จำนวน 6 แห่ง ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2560 นอกจากนี้ กทพ. ยังได้ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) รวมถึงทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่ วันที่ 29 ธันวาคม 2559 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 4 มกราคม 2560 เวลา 24.00 น. ทั้งนี้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ยังคงเก็บค่าผ่านทางตามปกติ


นายณรงค์  เขียดเดช ผู้ว่าการ กทพ. เปิดเผยว่า เนื่องจากเทศกาลปีใหม่ 2560 มีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน ทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ กทพ. จึงได้กำหนดจัดโครงการเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ด้วยการจัดหน่วยบริการประชาชนผู้ใช้ทางพิเศษ  เพื่อให้บริการฟรีในการตรวจเช็คเครื่องยนต์เบื้องต้น เช่น เติมลมยาง น้ำ น้ำกลั่น รวมทั้งบริการน้ำดื่ม กาแฟ ผ้าเย็น แผนที่การเดินทาง เอกสารประชาสัมพันธ์ เป็นต้น และมีการรณรงค์ความปลอดภัยในด้านต่างๆ อาทิ ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ ขับไม่โทร เป็นต้น โดยหน่วยบริการประชาชนฯ จัดไว้จำนวน 6 แห่งด้วยกันคือ

– ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2560 เวลา 07.00 ถึง 21.00 น.จัดตั้งหน่วยบริการประชาชนที่ ด่านฯ บางปะอิน (ขาออก) ด่านฯ บางนา  และด่านฯ บางแก้ว 1

– ระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2560 จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2560 เวลา 07.00 ถึง 21.00 น.จัดตั้งหน่วยบริการประชาชนที่ ด่านฯจตุโชติ ด่านฯ บางปะอิน (ขาเข้า) และด่านฯ ฉิมพลี (ขาเข้า)


นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานจัดการจราจร อำนวยความสะดวกเพิ่มเติมในบริเวณที่เป็นเส้นทางเดินทาง เข้า-ออก กรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทางพิเศษทุกสายทาง ตลอด 24 ชั่วโมง และ จัดพนักงานสื่อสารประจำศูนย์ควบคุมทางพิเศษทุกสายทาง โดยใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV เฝ้าดูสภาพการจราจร รถเสีย และอุบัติเหตุในทางพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งควบคุมสั่งการและประชาสัมพันธ์สภาพการจราจรผ่านป้ายปรับเปลี่ยนข้อความ (VMS) และวิทยุจราจร (จส.100,สวพ.91)

ทั้งนี้ มีการอำนวยความสะดวกจะด้านความปลอดภัย ด้วยการจัดหน่วยเฉพาะกิจ, หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ออกตรวจตราและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุต่างๆ บนทางพิเศษโดยเร็วที่สุด จัดรถกู้ภัยตรวจตราดูแลสิ่งผิดปกติบนทางพิเศษ เพื่อรักษาความปลอดภัยและมีรถยกประจำจุด ตลอดเส้นทาง 24 ชั่วโมง จัดพนักงานจัดการจราจรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางด่วนตั้งจุดตรวจสอบวินัยจราจร โดยมีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ตรวจจับความเร็วด้วยเครื่องอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง ตรวจสอบกวดขันรถบรรทุกน้ำหนักเกินและรถบรรทุกขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตรายห้ามเดินบนทางพิเศษ (63 ชนิต) รวมถึงตรวจสอบกวดขันรถกระบะที่มีคนนั่งท้ายกระบะโดยไม่มีหลังคาคลุมหรือผูกมัดสิ่งของให้มั่นคงแข็งแรง อาจก่อให้เกิดอันตรายบนทางพิเศษ รวมถึงมีการตรวจสอบและปรับปรุงผิวถนนให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ติดตั้งเส้นชะลอความเร็วบริเวณจุดที่อันตราย ติดตั้งอุปกรณ์ดูดซับแรงกระแทกบริเวณทางแยก และติดตั้งอุปกรณ์กันชนบริเวณทางแยก

ผู้ใช้บริการทางพิเศษสามารถสอบถามข้อมูลสภาพการจราจรบนทางพิเศษตรวจสอบระยะทาง และอัตราค่าผ่านทาง ฯลฯ ผ่านทาง www.exat.co.thด้วยโปรแกรม IMAP : Interactive Map และระบบรายงานสภาพการจราจรบนทางพิเศษบนโทรศัพท์มือถือ (Smart phone) ผ่าน Application “EXAT ITS” โดยสามารถ download ได้จาก App Store  ใช้ได้ทุกระบบปฏิบัติการ (IOS , Android )

ด้านนายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถโครงการ “เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยไปกับกรมทางหลวง” เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ภายใต้หัวข้อการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” โดยมีผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ กรมทางหลวง และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก ณ สำนักงานทางหลวงที่ 13 (กรุงเทพ) ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

โดช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ระหว่างวันที่     29 ธันวาคม 2559 – 4 มกราคม 2560 คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก   กรมทางหลวงจึงได้จัดพิธีปล่อยขบวนรถในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย โครงการ“เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยไปกับกรมทางหลวง” ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยได้บูรณาการร่วมกับตำรวจทางหลวงและหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งในปีนี้กรมทางหลวงได้จัดตั้งจุดให้บริการทั่วไทย 408 แห่ง (14 จุดพักรถโดยสารสาธารณะ (11 จังหวัด) /212 จุดให้บริการทั่วไทย) จุดให้บริการตำรวจทางหลวง 196 แห่ง และศูนย์ประสานงาน 125 ศูนย์ รวมทั้ง ได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวงในพื้นที่ทั่วประเทศพร้อมให้บริการประชาชนผู้ใช้ทางตลอด 24 ชั่วโมง อีกด้วย

 

ทั้งนี้ โครงการ“เดินทางอุ่นใจ ปลอดภัยไปกับกรมทางหลวง”เป็นการเตรียมความพร้อมทั้งมาตรการ แนวทาง ตั้งแต่ช่วงก่อนเทศกาล ระหว่างเทศกาล และหลังเทศกาล ซึ่งประกอบด้วย 7 มาตรการ ได้แก่ 1) ทางดีพร้อมใช้ ปลอดภัย ไร้จุดเสี่ยง 2) ป้ายเด่นชัด ไม่พลัด ไม่หลง 3) ไฟฟ้าส่องสว่าง เดินทางปลอดภัย สัญญาณไฟจราจร เห็นชัด อุบัติเหตุลดลง 4) จุดให้บริการทั่วไทย พักรถก่อนไป เดินทางใกล้ไกล ปลอดภัยทุกเส้นทาง 5) รายงานสภาพจริงการจราจร Online แบบ Real time ตลอด 24 ชั่วโมง 6) 1586 สายด่วนคู่ใจเพื่อนเดินทางโทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง 7) เปิดใช้มอเตอร์เวย์ฟรีของขวัญปีใหม่จากใจกรมทางหลวง (ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 29 ธันวาคม 2559 ถึง เวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม 2560)

อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้ทางขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจร วางแผนการเดินทางล่วงหน้า และโปรดสังเกตป้ายแนะนำ ป้ายเสริม ตามที่ได้ติดตั้งไว้ เพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้ร่วมทาง รวมทั้งป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมหรือแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายระหว่างเดินทาง สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) ศูนย์บริการข้อมูลทางหลวงพิเศษ (Motorway) 1586 กด 7  และ ตำรวจทางหลวง 1193 (ตลอด 24 ชั่วโมง) –  สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพฯ 15 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน […]

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย