กรุงเทพฯ 5 ม.ค. – ตัวแทนเกษตรกรเร่ง กยท.ประกาศใช้ระเบียบการเงินตาม พ.ร.บ.กยท.ม.49 เพื่อเปิดทางนำเงินช่วยเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยและกู้เงินไปใช้เป็นเงินทุนหนุนเวียน คาดอีก 2 เดือนราคายางพารามีโอกาสแตะ 80-90 บาทต่อกิโลกรัม
นายธีระชัย แสนแก้ว ประธานคณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเครือข่ายฯ เสนอการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ให้ของขวัญปีใหม่แก่เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศ ซึ่ง กยท.ยินดีดำเนินการให้ตามที่เสนอ ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมหมุนเวียน เพื่อช่วยเหลือผู้รับการสงเคราะห์ที่เกษตรกรกู้ไปเพื่อนำไปลงทุนประกอบอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ในการครองชีพในครอบครัว โดย กยท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากปกติร้อยละ 2 ต่อปี เหลือร้อยละ 1 ต่อปี ให้แก่ผู้ที่อยู่ระหว่างการชำระเงินงวดปกติ ซึ่งเป็นผู้กู้ชั้นดีตามอายุสัญญาเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 ธันวาคม 2560 มีเกษตรกรกว่า 1,770 รายที่กู้เงินรวม 60.52 ล้านบาทได้รับประโยชน์ และหากผู้กู้รายใดเลือกที่จะชำระเงินปิดบัญชีเงินกู้ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเงินกู้ภายในปีนี้จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระดอกเบี้ย
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังขอให้ กยท.เร่งประกาศใช้ระเบียบการเงินตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 มาตรา 49 เพื่อนำเงินมาใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง โดยคาดว่า กยท.จะสามารถประกาศใช้ระเบียบทางการเงินได้ในวันที่ 25 มกราคม 2560 ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรทั่้วประเทศที่ขึ้นทะเบียน 1.4 ล้านคน ได้รับประโยชน์ โดยเฉพาะวงเล็บ 5 ที่เปิดทางให้นำเงินไม่เกินร้อยละ 7 ของกองทุนไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการเกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อจะได้นำเงินนี้ ออกมาช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยที่ภาคใต้ในหลายจังหวัด ซึ่งเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน
และมาตรา 49 วงเล็บ 3 ที่เปิดทางให้จัดสรรเงินไม่เกินร้อยละ 35 ของกองทุนเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริม สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางและผู้ประกอบกิจการยาง ซึ่งในช่วง 2 ปี ๆ ละประมาณ 1,800 ล้านบาท หรือประมาณ 3,000 ล้านบาทที่ยังไม่ได้ใช้จะสามารถนำออกมาใช้ได้ เพื่อให้เกษตรกรกู้เงินส่วนนี้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำนำไปรับซื้อยาง เพื่อให้สถาบันเกษตรกรผลิตแปรรูปส่งขายเองต่อไป นับเป็นการพึ่งตัวเองของเกษตรกร
นายธีระชัย กล่าวถึงแนวโน้มราคายางพาราว่า ปี 2558-2559 สตอกยางโลกอยู่ที่ 12 ล้านตัน และปีที่ผ่านมามีการใช้ยางพารา 12 ล้านตัน ติดลบประมาณ 323,000 ตัน ขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราตลาดโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 12 ส่งผลให้ราคายางพาราจะปรับตัวขึ้นอีก ขณะที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตยางพาราอันดับ 1 ของโลก ผลผลิตยางพาราปีนี้จะลดลงจากที่ปีที่ผ่านมาผลิตได้ 4.4 ล้านตัน ลดลง 600,000-700,000 ตัน และผลกระทบภาคใต้ของประเทศไทยที่มีการปลูกยางพารามากที่สุด แต่ต้องประสบภัยพิบัติจากอุทกภัยไม่สามารถกรีดยางได้ รวมถึงนโยบาย กยท.ในการโค่นต้นยางเก่า ปัจจัยเหล่านี้ย่อมส่งผลให้แนวโน้มระดับราคายางพาราตลาดโลกจะปรับขึ้นไปอีก โดยมีความเป็นไปได้ว่าในช่วงหยุดกรีดยาง 2 เดือนข้างหน้า ระดับราคายางพาราจะมีโอกาสปรับขึ้นในอยู่ในช่วง 80-90 บาทต่อกิโลกรัมได้ อีกทั้งมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นย่อมส่งผลให้ยางสังเคราะห์ปรับเพิ่มขึ้นตามย่อมส่งผลให้การใช้ยางธรรมชาติจะปรับเพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นกัน
นายธีระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการฯ ยังเตรียมที่จะเสนอรัฐบาลขอให้พิจารณาขยายโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกร เพื่อรวบรวมยางภายใต้แนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบวงเงิน 10,000 ล้านบาท ออกไปอีก 1 ปี จากที่จะครบกำหนดเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถใช้วงเงินกู้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อผลผลิตยางพาราจากเกษตรกรด้วยกันเองมาแปรรูปต่อไป
พร้อมกันนี้จะหารือกับพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงแนวคิดที่จะนำพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ. 2542 มาใช้ดูแลผู้ประกอบการไม่ให้เอารัดเอาเปรียบเกษตรกรชาวสวนยางและควบคุมคุณภาพยาง เพราะจะเป็นแนวทางสร้างความยั่งยืนเกิดขึ้นได้. – สำนักข่าวไทย