น่าน 12 พ.ย.-ผู้ช่วยพยาบาลสาวก่อเหตุขโมยเด็กทารกแรกเกิดจาก รพ.น่าน ตำรวจตามหาวุ่นกว่าจะจับกุมได้ ผู้ต้องหาสารภาพอ้างทำไปเพราะตัวเองแท้งลูก กลัวว่าแฟนหนุ่มจะทอดทิ้ง จึงวางแผนก่อเหตุขโมยเด็กทารก เพื่อนำมาหลอกแฟนหนุ่มว่าเป็นลูกตัวเอง
พ.ต.อ.ประยูร ชำนาญคง ผกก.สภ.เมืองน่าน ได้รับแจ้งจาก นพ.พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เกิดเหตุคนร้ายขโมยเด็กทารกแรกเกิดอายุ 10 วัน จากโรงพยาบาลน่าน เมื่อคืนที่ผ่านมา จึงสั่งให้ตำรวจชุดสืบสวนนำกำลังออกติดตามหาตัวคนร้าย จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นหญิง อายุ 22 ปี ชื่อ น.ส.เอ(นามสมมุติ) เป็นผู้ช่วยพยาบาลในโรงพยาบาลน่าน ได้อุ้มเด็กทารกหลบหนีออกจากประตูหลังของโรงพยาบาล โดยมีรถยนต์มารอรับ ซึ่งกล้องวงจรปิดของ รพ.จับภาพไว้ได้
จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองน่าน ได้ออกติดตามค้นหา ทั้งที่หอพัก บ้านญาติและเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่ในแผนกเดียวกันกับผู้ก่อเหตุ จนทราบเบาะแสว่า ผู้ก่อเหตุได้พาเด็กทารกมาพักหลบซ่อนอยู่ที่ร้านเสริมสวยของนางญวน อายุ 48 ปี ซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลน่านเพียง 500 เมตร จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้ก่อเหตุได้ พร้อมนำเด็กทารกส่งกลับคืนสู่อ้อมอกครอบครัวอย่างปลอดภัย
จากการสอบสวนนางญวนฯ ซึ่งเป็นแม่ของแฟนหนุ่มของผู้ก่อเหตุที่คบหากันมานานกว่า 1 ปี ให้การว่า ลูกชายพร้อมด้วยผู้ก่อเหตุ ได้พากันมาที่บ้าน ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์เปิดเป็นร้านเสริมสวย โดย น.ส.เอ ผู้ก่อเหตุบอกว่าคลอดลูกแล้ว และขอมาพักก่อน ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้เตรียมของสำหรับเด็กอ่อน จึงได้ให้เงินลูกชายไปซื้อของใช้จำเป็นมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุม จึงได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุขโมยเด็กทารกออกมาจากโรงพยาบาล ขณะที่ตัวของแฟนหนุ่มยังรู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.ประยูร ชำนาญคง ผกก.สภ.เมืองน่าน เปิดเผยหลังสอบปากคำ น.ส.เอ ผู้ต้องหา โดยมีเพื่อนสนิทและ นพ.พงษ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ รองผู้อำนวยการ รพ.น่าน ร่วมกันให้ข้อมูล ทำให้ทราบว่า ผู้ต้องหามีประวัติการตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาลน่าน มีกำหนดคลอดวันที่ 20 พ.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาให้การว่าได้แท้งลูก และกลัวว่าจะถูกแฟนหนุ่มทอดทิ้ง จึงได้วางแผนทำทีไปขอชั่งน้ำหนักเด็กทารกในแผนกคลอดกับผู้เป็นแม่ จากนั้นจึงได้นำเด็กหนีออกจากโรงพยาบาลโดยหลอกให้แฟนหนุ่มมารอรับ จนกระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันควร เพื่อดำเนินคดีกับ น.ส.เอ ตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย