นายกฯ เตรียมเคาะลงทุน EEC 5 เม.ย.นี้

ก.อุตฯ  13  มี.ค. –  กรศ.เตรียมเสนอเร่งพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา-รถไฟความเร็วสูง-รถไฟรางคู่ ให้คณะกรรมการนโยบาย EEC  5 เม.ย.นี้ ด้านกระทรวงอุตฯ เตรียมชงแพ็คเก็จดึงดูดโครงการผลิตรถไฟฟ้าให้ ครม.พิจารณา 28 มี.ค.นี้


นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.)  ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุม กรศ.มีมติเร่งดำเนิน  2 โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC  จาก 5  โครงการหลัก สำหรับโครงการที่เร่ง คือ โครงการลงทุนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และ โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง โดยจะนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกชุดใหญ่  ที่มีพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน  จะลงพื้นที่และประชุมให้ความเห็นชอบวันที่ 5 เมษายนนี้

นายอุตตม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีโครงการ  EECD  เขตอุตสาหกรรมดิจิทัลขนาดใหญ่บนพื้นที่ 621 ไร่ ที่ศรีราชาของ CAT Telecom สอดรับกับกิจกรรมของ EEC และชวนต่างชาติรายใหญ่เข้าร่วมด้วย  โดยอยู่ระหว่างการเจรจาและจะรายงานความคืบหน้าในการประชุม กรศ.ต่อไป จะมีงบลงทุนจากรัฐในโครงสร้างพื้นฐาน  20,000  ล้านบาท และการลงทุนจากเอกชน  68,000  ล้านบาท นอกจากนี้  ยังมีโครงการลงทุน EECI ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างหาพื้นที่และยังไม่ทราบงบประมาณที่จะดำเนินการ  โดยจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรม หุ่นยนต์อุตสาหกรรม เกษตรแปรรูปที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คาดว่า โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ- ระยอง จะประกาศทีโออาร์ก่อนกลางปีนี้และพยายามให้มีการเปิดประมูลภายในปีนี้แน่นอน โดยขณะนี้รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA  ผ่านความเห็นชอบแล้ว  ส่วนโครงการร่วมลงทุนศูนย์ซ่อมอัจฉริยะระหว่างการบินไทยและบริษัทแอร์บัส  ซึ่งบริษัทการบินไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (TG MRO Complex Development) ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เป็นจุดเริ่มต้นเกิดศูนย์กลางของการบินทั้งหมด ซึ่งกองทัพเรือจัดทำแผนพัฒนาทั้งหมดให้เป็นมหานครแห่งการบินต่อไป โดยมีกระทรวงอุตสาหกรรมร่วม เพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมสนับสนุน

นอกจากนี้ ในพื้นที่ EEC ยังจะเป็นที่ลงทุนโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ด้วย โดยวันที่ 28 มีนาคมนี้กระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอชุดมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์  EV ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบและยังจะต้องส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร เกษตรเชิงนิเวศ สิ่งเหล่านี้กระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้รับผิดชอบและกำหนดแผนการอย่างชัดเจน ดังนั้น ปลายปีนี้จะเห็นภาพการพัฒนา EEC ที่ชัดเจน ขณะเดียวกันยังขอให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เข้ามาร่วมด้วย เพื่อรองรับด้านการท่องเที่ยวและเมืองใหม่ที่ฉะเชิงเทรา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะนำเสนอในการประชุมวันที่ 5 เมษายนนี้เช่นกัน

สำหรับ 5 โครงการลงทุนหลักที่จะพัฒนาใน EEC ประกอบด้วย โครงการสนามบินอู่ตะเภา รถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ ท่าเรือแหลมฉบัง การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่หรือ New-S curve และการพัฒนาเมืองใหม่มาเป็นโครงการนำร่อง เพราะเป็นโครงการจำเป็นเร่งด่วนและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนถึงความสำเร็จของ EEC ที่ประชุม กรศ.ขอให้ทั้ง  2 โครงการพิจารณาความเชื่อมโยงกับโครงการต่าง ๆ  EEC ด้วย เช่น เชื่อมโยงต่อยอดกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น


นายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า 2 โครงการที่เร่งในส่วนของโครงการลงทุนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาจะพัฒนาให้สามารถเชื่อมโยงสนับสนุนอีก 2 สนามบิน คือ สนามบินอู่ตะเภา สนามบินเดือนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ  พร้อมจัดตั้งเมืองการบินภาคตะวันออก ในพื้นที่ 6,500 ไร่ ของสนามบินอู่ตะเภา ให้เป็นเขต EEC แห่งแรกที่ได้รับการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยจะศึกษาการจัดทำทางวิ่งมาตรฐานที่ 2 จากปัจจุบันที่มีทางวิ่งเพียง 1 ทางวิ่ง โดยมีกลุ่มกิจกรรม  5 กลุ่มกิจกรรมหลัก คือ กลุ่มอาคารผู้โดยสารและการค้า เพื่อรองรับผู้โดยสาร  15-30-50 ล้านคนในระยะ 5-10-15 ปี กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยาน ลักษณะเขตการค้าเสรี เพื่อประกอบอุตสาหกรรมและการค้าเชื่อมโยงกับสนามบิน กลุ่มธุรกิจขนส่งทางอากาศ ทั้งคาร์โก้ สินค้าทางไปรษณีย์ และคลังสินค้าเทคโนโลยีสูง กลุ่มธุรกิจซ่อมเครื่องบิน เพิ่มจากศูนย์ซ่อมของการบินไทยในปัจจุบัน และกลุ่มศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรอากาศยานและธุรกิจการบิน  ในอนาคตอาจมีการพิจารณา เพิ่มอีก 3 โครงการ คือ ธุรกิจท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ศูนย์การแพทย์เฉพาะด้าน อุตสาหกรรมเทคโนโลยีป้องกันประเทศ  กรศ.ยังให้เร่งรัดให้เกิดขึ้นภายในช่วงปลายปีนี้ อีก 3 เรื่องคือ โครงการร่วมลงทุนศูนย์ซ่อมอัจฉริยะระหว่างการบินไทยและบริษัทแอร์บัส และการการศึกษาการลงทุนเพื่อจัดทำเอกสารชี้ชวนการลงทุน และการจัดทำระเบียบเอกชนร่วมทุนหรือ PPP ที่จะลดระยะเวลาดำเนินการในพื้นที่ EEC คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนนับจากนี้ไป

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ โดยโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงประมาณ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง จะเชื่อม 3 สนามบินเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ทำให้เมืองการบินภาคตะวันออกได้ประโยชน์สูงสุด ผู้โดยสารใช้เวลาเดินทางไปมาทั้ง 3 สนามบินไม่เกิน 1 ชั่วโมงระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร  ซึ่ง กรศ.มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกระทรวงคมนาคมไปศึกษาเพิ่มและเสนอให้คณะกรรมการนโยบาย EEC พิจารณาต่อไป  กรศ.ยังเห็นว่านอกเหนือจากการให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว ขอให้สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (สกรศ.) ไปทำการศึกษาเรื่องการพัฒนาคนและรับฟังความคิดเห็นถึงผลประโยชน์ที่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่ควรได้รับ และ กรศ.ที่ออกมาโดย ม.44 จะต้องมีการประชุมเป็นประจำทุกเดือน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]